วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ผิวสวย สุขภาพดี ป้องกันมะเร็ง ด้วยมะนาว

ในมะนาว หนึ่งลูกประกอบไปด้วยสารอาหารนานาชนิด เช่น วิตามินบี 1,2,3 และที่ยิ่งกว่านั้นยังอุดมไปด้วย วิตามินซี ซึ่งเราต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า วิตามินซี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์ คอลลาเจนได้มากขึ้น อีกทั้งยังบำรุงระบบ กล้ามเนื้อ ระบบประสาท และบำรุงสมองอีกด้วย

แม้ว่าเราจะทราบกันดีว่า มะนาว มีสรรพคุณทางยาหลายขนาน แต่ด้วยรสชาติที่เปรี้ยวมาก ๆ จึงทำให้ยากต่อการกินมะนาว เป็นประจำ ดังนั้นจึงต้องมีการแปลรูปไปเป็นอย่างอื่นเพื่อให้กินง่าย ๆ กันก่อนจะดีกว่า เช่น ทำเป็นน้ำมะนาว ดื่มก่อนนอนทุกวัน จะช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายเป็นอย่างดี และยังสามารถป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย หรือว่าอาจจะนำมาฝานเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วแช่กับน้ำผึ้ง กินเป็นประจำ ก็จะช่วยเติมวิตามินซีให้ร่างกาย เสริมสร้างคอลลาเจน ให้ผิวดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงก็ยังทำได้

เห็นประโยชน์มากมายขนาดนี้แล้ว ถ้าใครคิดจะซื้อยาแพง ๆ มากินก็ต้องคิดให้ดีก่อนนะ เพราะว่าของดีมันอยู่ใกล้ ๆ ตัวเราก็มี เพียงแต่ต้องรู้จักศึกษามัน แล้วจะเห็นประโยชน์ของมันอีกมาก อย่างเช่นมะนาวที่เรารู้จักกันมานานนี่ล่ะ
read more "ผิวสวย สุขภาพดี ป้องกันมะเร็ง ด้วยมะนาว"

วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ลมพิษ อาการเป็นอย่างไรนะ

ลมพิษ ก็คืออาการที่ร่างกาย สร้างสารที่มีชื่อว่า สารฮีสตามีน ออกมาจากเซลล์ใต้ผิวหนัง ทำให้หลอดเลือดฝอยขยายตัว มีน้ำเลือดซึมออกมาในผิวหนัง จึงมองเห็นเป็นผื่นนูนแดง ซึ่งการที่ร่างกายได้สร้างสาร ฮีสตามีน ออกมาก็เพราะว่าได้มีอาการแพ้บางอย่างเช่น แพ้อาหารบางชนิด สุรา ฝุ่นละออง น้ำในแม่น้ำลำคลอง แพ้ขนสัตว์ สารเคมี เครื่องสำอาง และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน และสามารถเป็นได้ตั้งแต่เด็กจนโต และจะพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่

อาการของลมพิษ ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนก็คือ มีอาการคันมาก ๆ ตามแขนขา พอเกาปุ๊บจะเกิดเป็น ตุ่ม ผื่นแดง ขึ้นบริเวณนั้นทันที และยิ่งเกา ก็จะยิ่งมีผื่นขึ้น เกาตรงไหนก็มีผื่นตรงนั้น แถมบริเวณที่ไม่คัน พอเอานิ้วมือไปเกา ก็จะเริ่มคันขึ้นมาจริง ๆทันที และก็มีผื่นแดงตามมา ซึ่งถ้าอดทนไม่เกา แล้วทิ้งไว้ประมาณ 3-4 ช.ม. อาการก็จะหายไป แต่ว่าบางคนก็เป็น ๆ หาย ๆ อาจจะ 2-3 วันเป็นอีกครั้ง หรือไม่ก็นานกว่านั้น

หากว่ารู้ตัวว่ากำลังจะเป็นลมพิษ วิธีการรักษาก็คือ ควรจะหายาแก้แพ้มากินก่อนในเบื้องต้น แล้วก็อาจจะใช้ยาทาแก้คัน เพื่อดับอาการคันที่เกิดขึ้น ยาแก้คันที่ใช้ก็อย่างเช่น คาราไมน์ แล้วหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วหรือมือ ไปถูไปเกา บริเวณที่คัน และ ที่ไม่คันด้วย เพราะจะทำให้ คันมากกว่าเดิม และมีผื่นขึ้น ถ้าหากว่าผ่านไปสัก 1-2 สัปดาห์ อาการยังเป็นซ้ำ ๆ ไม่หายก็ควรจะพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

สิ่งสำคัญ คุณต้องไม่ลืมสังเกตตัวเองด้วยว่า อาการแพ้ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากอะไร เช่นในวันนั้นคุณกินอะไรเข้าไปบ้าง หรือ จับสัตว์เลี้ยงตัวไหนมาหรือเปล่า หรือว่าไปถูกหรือจับต้อง สารเคมีมาหรือไม่ เพื่อที่ว่าครั้งหน้า จะได้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ร่ายกายเกิดอาการแพ้...
read more "ลมพิษ อาการเป็นอย่างไรนะ"

วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

พริกไทย สมุนไพรดี ๆ ที่ต้องแนะนำ

พริกไทยเป็น พืชสมุนไพรคู่ครัวเรามาช้านาน ซึ่งเราสามารถเห็นพริกไทยในรูปของ พริกไทยป่น และ พริกไทยสด ซึ่งพริกไทยทั้งสองแบบนี้ แน่นอนว่าพริกไทยสดย่อมมีสรรพคุณทางยามากกว่าพริกไทยแห้ง หรือพริกไทยป่นอย่างแน่นอน คนในสมัยโบราณนั้น ต่างรู้ดีว่าพริกไทยเป็นพืชที่ใช้กินเป็นยาได้หลายอย่าง เช่น แก้อาการจุกเสียดแน่นท้อว ท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาจจะเอาเถาไปต้มกินกับน้ำใบเตย แล้วกินก่อนนอนสักหนึ่งแก้ว ก็จะสามารถแก้อาการปวดหลังได้อีก นอกจากนี้ พริกไทยยังสามารถแก้สารพิษต่าง ๆ ได้ หากว่าในร่างกายมีสารพิษซึ่งอาจจะเป็นต้นเหตุของโรคอื่น ๆ พริกไทยก็สามารถขับพิษเหล่านี้ออกไปได้

แม้ว่าการกินพริกไทยสดนั้นจะเป็นเรื่องยาก เพราะว่ารสชาติที่เผ็ดร้อนถึงใจ ทำให้หลาย ๆคนเบือนหน้าหนี แต่ว่าเราไม่ได้บอกว่า ให้ท่านกินพริกไทยสดเป็นกำ ๆ ที่ไหน เพียงแค่กินบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อมีโอกาส ก็จะทำให้คุณได้กินยาเข้าไปในร่างกายอีกหนึ่งชนิดแล้วล่ะ
read more "พริกไทย สมุนไพรดี ๆ ที่ต้องแนะนำ"

อาการ ของความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ

โรคความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนทุกช่วงวัย ตั้งเเต่เด็กจนถึงคนชรา แต่อาการที่เกิดขึ้นในเด็กนั้น มักจะแสดงออกมาน้อย เพราะเด็กมีอัตราการฟื้นตัวสูงกว่าคนชรามาก ซึ่งอาการต่าง ๆ สามารถสังเกตได้ดังนี้

อาการของโรคความดันโลหิตสูง
ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงมักจะมีอาการ ปวดมึนท้ายทอย เวลาตื่นนอนตอนเช้า สักพักก็จะหายไป มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ ใจสั่น ตามัว มือเท้าชา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มีหลายอย่าง เช่น การดื่มสุรา การกินอาหารที่มีไขมันมาก เป็นโรคอ้วน การสูบบุหรี่ อาการเครียด หรือบางทีอาจจะเกิดขึ้นเพราะเป็นโรคบางอย่างในร่างกายเช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หลอดเลือดแข็ง เนื้องอกในสมอง

อาการของโรคความดันโลหิตต่ำ
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำมักจะมีอาการ ตาลาย หน้ามืดเวลาเปลี่ยนอิริยาบถ หรือลุกขึ้นเร็ว ๆ หูอื้อ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียแขนขาไม่มีกำลัง ชาตามมือและเท้า ซึ่งเป็นอาการที่เกิดได้กับคนทุกวัย อาการความดันโลหิตต่ำสามารถแก้ไขได้โดยการออกกำลังกายบ่อย ๆ ก็จะดีขึ้นมาเอง
read more "อาการ ของความดันโลหิตสูง และความดันโลหิตต่ำ"

อาการ ไมเกรนสังเกตอย่างไร

การสังเกตอาการของไมเกรนนั้น อาจจะยากเสียหน่อย ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นไมเกรนจนกว่าจะได้ไปถึงมือของหมอ เพื่อทำการวินิจฉัย ถึงได้รู้ว่าเป็นไมเกรน ถ้าหากว่าคุณกำลังสงสัยว่า ตนเองปวดหัวเป็นไมเกรนหรือไม่สามารถสังเกตได้จากอาการดังต่อไปนี้

อาการของไมเกรน
มีอาการปวดศรีษะข้างเดียว เป็น ๆ หาย ๆ ความปวดแต่ละครั้ง รุนแรงไม่เท่ากัน และจะปวดเมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่นอารมณ์เครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มสุรา กินผงชูรสมากเกินไป บางรายจะหน้ามืด เห็นแสงวูบวาบ ก่อน แล้วจึงปวดที่หัว ข้างใดข้างหนึ่ง เวลามีอาการเป็นไมเกรน มักจะมีอาการคลื่นไส้ มึนหัว อาเจียนบ่อย

หากว่าใครมีอาการอย่างที่กล่าวมาข้างต้น และเป็นอยู่บ่อย ๆ ก็ลองไปให้หมอตรวจดูก่อนว่าตัวเรานั้นเป็นไมเกรนจริง ๆ และไม่ควรไป ทึกทักเอาเองว่าตัวเองเป็นไมเกรน และไปซื้อยาแก้ไมเกรนกินเอง เพราะว่า ยาแก้ไมเกรนบางชนิดจะแรงและกัดกระเพาะ จึงควรกินยาที่หมอแนะนำจะดีกว่า
read more "อาการ ไมเกรนสังเกตอย่างไร"

มะระขี้นก ผักพื้นบ้านต้านมะเร็ง

ถ้าพูดถึงมะระขี้นก หลายคนก็คงจะนึกถึงมะระลูกเล็ก ๆ ที่มีรสขมปี๋ จนหลาย ๆ คนต้องส่ายหน้า แต่ถ้าถ้าลองได้อ่านสรรพคุณทางยาแล้ว คงต้องบอกว่า เอาน่าจะขมก็ต้องกิน เพราะว่ามะระ มีสรรพคุณทางยาเยอะมาก ๆ ซึ่งเรื่องนี้ คนเก่าคนแก่เขารู้กันดี มีแต่เด็กรุ่นใหม่ ๆ นี่แหละที่ไม่ค่อยสนใจ เดี๋ยวเราตามมาดูกันว่า มะระขี้นก กินแก้อะไรได้บ้าง

ในมะระขี้นก จะประกอบไปด้วยสารอาหาร ประเภท โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และมี ธาตุเหล็ก วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินซี การที่เรากินมะระขี้นก จึงช่วยในการขับถ่าย เพราะมีเส้นใยอาหาร และยังสามารถดูดซับของเสียในลำไส้ไม่ให้เป็นมะเร็งลำไส้ สามารถแก้ไข้หวัด บำรุงม้าม บำรุงตับ และด้วยความสามารถดูดซับของเสียจึงทำให้มะระขี้นก ดับสารพิษในร่างกายได้อีกด้วย

และสำหรับสุภาพสตรี ที่กำลังหาทางลดน้ำหนักอยู่ การกินมะระขี้นกเป็นประจำจะทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่จำเป็นจะต้องกินทุกวัน แต่แค่นาน ๆ หรือ อาทิตย์ละครั้ง รับรองว่าช่วยคุณได้แน่นอน ทนขมนิดหน่อยแต่คิดว่าน่าจะดีกว่าไปฉีดยา บำรุง ซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายก็ได้นะ..
read more "มะระขี้นก ผักพื้นบ้านต้านมะเร็ง"

มะเร็งโรคร้าย กับกระชายใกล้ครัว

กระชายเป็นสมุนไพรของไทย อีกชนิดนึงที่มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง เช่น แก้ลมวิงเวียน แก้ท้องอืด ท้องเดิน หรือถ้าจะเอามาใช้ทาภายนอกเพื่อแก้ โรคกลาก ก็ได้ แต่สรรพคุณทางยาที่แฝงอยู่ภายใน ที่ไม่มีใครรู้ก็คือ สามารถใช้กินเป็นยาเพื่อป้องกันมะเร็งได้ ส่วนใครที่ไม่ชอบกลิ่นของกระชาย มาถึงตอนนี้ก็คงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แล้วตามมาดูรายละเอียดกันดีกว่า เพราะว่าวิธีป้องกันมะเร็งอย่างง่าย ๆ แบบนี้ มันดีกว่าเสียเงินเยอะ ๆ เป็นไหน ๆ

กระชายนั้นมีด้วยกันอยู่ 3 ชนิดคือ กระชายเหลือง กระชายแดง และกระชายดำ ซึ่งทั้งสามตัวนี้ กระชายเหลืองจะเป็นตัว ที่เราใช้ปรุงอาหารอยู่เป็นประจำ ส่วนกระชายแดงนั้นหายาก แถวบ้านผมใช้ต้มเป็นยามากกว่าจะมาทำเป็นอาหาร ส่วนกระชายดำ ยังหาได้แต่แพงมาก ๆ ส่วนใหญ่ใช้เป็นยาบำรุงกำลังเสียมากกว่า ส่วนสรรพคุณทางยาที่ใช้ในการต้านมะเร็งนั้น มีเท่า ๆ กัน ดังนั้นเราจะไปหา กระชายที่หายากทำไม ในเมื่อกระชายเหลืองใกล้ครัวของเรา ก็กินเป็นยาต้านมะเร็งได้จริงใหม

การที่เรากินกระชายเข้าไป นอกจากจะรักษา โรคมะเร็ง หรืออาการ เจ็บป่วยอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังสามารถนำกระชายมาทุบ คั้นเอาน้ำแช่ตู้เย็นไว้ดื่ม เพื่อบำรุงกำลังสำหรับเวลาเหนื่อยจากการทำงานหนักได้อีกด้วย แต่ถ้าคนที่ไม่เคยกินก็อาจจะเหม็นสักหน่อย ถ้ากินไม่ไหวจริง ๆ ก็กินตอนที่เอาไปปรุงเป็นอาหารก็ได้ ง่ายดี
read more "มะเร็งโรคร้าย กับกระชายใกล้ครัว"

มะละกอ ผลไม้ต้านมะเร็ง

ถ้าพูดถึงมะละกอ คนไทยส่วนใหญ่จะนึกถึงสรรพคุณทางยา ในเรื่องของการขับถ่าย และถ้าเป็นผู้หญิง ที่ต้องต้องการจะลดน้ำหนักก็จะรู้ถึง สรรพคุณของมะละกอเป็นอย่างดี แต่ความจริงแล้ว มะละกอเป็นผลไม้ที่มี สารอาหารมากมายกว่าที่คุณรู้ ดังนั้นการกินมะละกอ จึงมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างแน่นอน...

ในผลของมะละกอสุกหนึ่งลูก จะมี วิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 เกลือแร่ และอื่น ๆ รวมทั้ง วิตามินซีซึ่งเป็นวิตามินที่รู้กันว่าเป็นตัวช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งในมะละกอมี วิตามินซี สูงมาก การที่เรากินมะละกอ จึงสามารถแก้โรคมะเร็งได้โดยที่เราไม่รู้ตัว

การกินมะละกอสามารถช่วยในการยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้ก็จริง แต่ว่ามะละกอก็มีสารที่ไม่จำเป็นชนิดอื่นด้วยเช่น สารแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารนี้จะทำให้ร่างกายของเรามีสีเหลือง เรียกว่าโรคแคโรทีนีเมีย ดังนั้นเราจึงควรมากินมะละกอเป็นครั้งคราว สลับกับผลไม้อื่นดีกว่า เพราะการกินมะละกอสุก ติดต่อกันทุกวันคงไม่ดีแน่ นอกเสียจากว่าคุณต้องการมีผิว สีเหลือง ที่แปลกจากคนอื่น...
read more "มะละกอ ผลไม้ต้านมะเร็ง"

เพกา ผักต้านมะเร็ง

เพกา ลิ้นฟ้า หรือ ฝักอีกา ทั้งหมดนี้เป็นชื่อของผักชนิดเดียว ซึ่งในปัจจุบัน คนยุคใหม่มักจะไม่ค่อยรู้จักกันเสียแล้ว แต่ฝักเพกายังได้รับความนิยมที่จะนำมาเป็นอาหารอย่างมาก สำหรับคุณปู่ คุณย่า หรือผู้สูงอายุทั้งหลาย เพราะต่างก็รู้ถึงสรรพคุณเป็นอย่างดี
ผมจำได้ว่า เมื่อก่อนนั้นผมไม่เคยกินฝักเพกาเลย เพราะว่าเพกามีรสขมมาก ๆ เรียกได้ว่าถ้าใครไม่เคยกิน ถ้าได้เอาเข้าปากแล้วก็คายออกแทบไม่ทัน แต่มาช่วงหลัง ๆ พอได้รู้ถึงสรรพคุณเท่านั้น เรื่องสรรหาวิธีดับความขม เพื่อที่จะกินให้ได้ก็ตามมาทันที

ประโยชน์ของฟักเพกานั้น มีมากมายตั้งแต่เป็นยาต้านมะเร็งชั้นดี เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แน่นท้อง และที่ขึ้นชื่อมาก ก็คงเป็นยาระบาย ชั้นดีที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็การันตี

การที่จะให้คนที่ไม่เคยกินฝักเพกานั้น มากินเลยทันทีคงไม่ได้ จึงได้มีการนำเพกาไป พลิกแพลงเป็นอาหารอย่างอื่นเพื่อให้กินง่ายขึ้น เช่นอาจจะเอาไปเผาและหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้ว ลาบกิน เหมือนลาบหมูเรานี่ล่ะ ซึ่งการทำแบบนี้รับรองได้ ต่อให้ขมแค่ไหน มีเท่าไรก็หมด
read more "เพกา ผักต้านมะเร็ง"

กะเพรา สมุนไพรต้านมะเร็ง

ไม่น่าเชื่อว่า กะเพราที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ จะเป็นพืชที่มีความสามารถในการต้าน การลุกลามของมะเร็งได้สูงมาก ๆ เป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งในกะเพราประกอบด้วยสารอาหารมากมายหลายชนิด จึงทำให้กะเพราเป็นสมุนไพรที่มี สรรพคุณทางยา มากมาย หากว่าเราย้อนกลับไป เราจะเห็นว่า กะเพราเป็นพืชที่อยู่คู่กับครัวไทยมานาน และนอกจากจะนำมาทำเป็นอาหารแล้ว ผู้สูงอายุ หรือคนโบราณ สมัยก่อน มักจะนำมาใช้เป็นยาเมื่อเจ็บไข้ เช่น ใช้ใบมาบดละลายน้ำ แล้วนำไปทาที่ผิวหนัง เพื่อรักษาโรคกลาก หรือ เกลื้อน หรือหากมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ก็จะมีการนำ ทั้งต้นและใบ มาบดหรือทุบ แล้วไปชงกับน้ำอุ่นกิน ขับลม หรืออาจจะใช้ขับเสมหะ ก็ได้หากว่า มีเสมหะอยู่ในลำคอ และยังได้มีการนำรากของกะเพรา มาบดชงกับน้ำ กินเพื่อเป็นยาบำรุงร่างกาย แก้ไข้ได้อีก

ที่กล่าวมาจะเห็นว่า กะเพรานั้น สามารถที่จะนำมากินเป็นยารักษาโรค ได้ทั้ง ราก ลำต้น ใบ และดอก ซึ่งบางคนอาจจะไม่รู้และคิดว่ากะเพรานั้นมีกลิ่นฉุน จึงไม่ได้กิน เข้าไป ซึ่งนั่นทำให้ร่างกายเสียโอกาสที่จะได้รับสารอาหารชั้นดีอย่างกะเพราเสีย แล้ว แต่ถ้าใครที่ลองอ่านอย่างนี้แล้ว ครั้งหน้าเห็นกะเพราที่ไหนก็โดดใส่ได้เลย
read more "กะเพรา สมุนไพรต้านมะเร็ง"

ผักและผลไม้ ช่วยต้านมะเร็งได้อย่างไร

ปกติแล้ว ร่างกายคนเราจะสร้างเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของเซลล์มะเร็งอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าร่างกายของเราก็จะมีระบบภูมิคุ้มกันชั้นดี ที่จะคอยกำจัดเซลล์เหล่านี้ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่าเมื่อใดที่ร่างกายอ่อนแอลง หรือไม่สามารถกำจัดเซลล์ตั้งต้นของมะเร็งได้ทัน หรือว่าอาจจะโดนสารเคมี หรือถูกกระตุ้นจากสารพิษต่าง ๆ ก็จะทำให้เซลล์ตั้งต้นดังกล่าว กลายเป็นมะเร็งได้ในที่สุด

ในผักและผลไม้ หลายชนิดที่เรารู้จัก มีสารที่ช่วยในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายหลายชนิด รวมทั้งยังมี วิตามินต่าง ๆ ช่วยบำรุงร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรง และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย ซึ่งเรื่องนี้สามารถที่จะพิสูจน์ได้ จากการที่ดูจาก คนสมัยก่อนที่มักจะชอบ กินผักและผลไม้เป็นประจำเสมอ เราจึงมักจะเห็น คุณปู่ คุณย่า มีอายุยืน และมีร่างกายที่แข็งแรงมากกว่าคนยุคใหม่ อย่างเช่นในปัจจุบันนี้ ซึ่งถ้าลองสอบถามดู ก็จะเห็นว่า ผู้สูงอายุเหล่านี้ ก็ไม่ได้มียาดีอะไร นอกจากนิสัยการกินที่ชอบกินผักและผลไม้เป็นประจำ ซึ่งในปัจจุบันได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ ที่ทันสมัย ทำให้สามารถ ตรวจสอบได้ว่า ในผัก ผลไม้แต่ละชนิด มีสารอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ทำให้คนยุคใหม่ได้รู้กันว่า เคล็ดลับอายุยืน นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด...
read more "ผักและผลไม้ ช่วยต้านมะเร็งได้อย่างไร"

วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เม็ดเลือดขาว ระบบป้องกันหลักของร่างกาย

ถ้าพูดถึงเม็ดเลือดขาวทุกคนต่างรู้ดีว่า หน้าที่หลักก็คือดักจับเชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ในร่างกาย รวมทั้งมะเร็งด้วย หากร่างกายไม่มีระบบนี้แล้ว เราคงได้เห็นคนในโลกเสียชีวิตเป็นใบไม้ล่วงแน่นอน เพราะในแต่ละวันร่างกายของเรารับของเสีย และเชื้อโรค รวมทั้งผลิตเซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง เข้าไปในร่างกายตลอดเวลา ร่างกายของเราก็ต่อสู้กับเชื้อโรคเหล่านี้ตลอดเวลา ด้วยเม็ดเลือดขาวเช่นกัน

ตัวอย่างง่าย ๆ ของการทำหน้าที่ของเม็ดเลือดขาว เช่น เมื่อเราเกิดบาดแผลขึ้น เราจะเห็นมีน้ำใส ๆ บริเวณแผลของเราปนอยู่กับเลือด ซึ่งก็คือเม็ดเลือดขาวที่ร่างกายส่งไป ดักจับเชื้อโรคบริเวณปากแผล เมื่อดักจับและทำลายเชื้อโรคได้แล้ว เม็ดเลือดขาวจะเปลี่ยนเป็นน้ำหนองอย่างที่เราเห็น ดังนั้นหากว่าแผลของใครมีน้ำหนองออกมามาก แสดงว่าเม็ดเลือดขาวอาจจะกำลังทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคหนักมาก ซึ่งนั่นหมายความว่าแผลของเราอาจจะสกปรกมากเช่นกัน...

ที่มา greenhealthzone
http://greenhealthzone.blogspot.com/
read more "เม็ดเลือดขาว ระบบป้องกันหลักของร่างกาย"

วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ต่อมน้ำเหลือง ระบบป้องกันเชื้อโรคชั้นดี

ต่อมน้ำเหลือง กระจายอยู่ทั่ว ร่างกาย มีหน้าที่ผลิต น้ำเหลืองออกมา ซึ่งจัดว่าเป็นเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ที่ได้รับการเติมฮอร์โมนเพื่อให้ทำหน้าที่เฉพาะทาง ต่อมน้ำเหลืองจะมีหลอดเพื่อลำเลียงน้ำเหลืองที่แยกออกมาเป็นสัดส่วน ซึ่งมีลักษณะคล้ายหลอดเลือดดำ คือมีลิ้นปิด เปิดเพื่อป้องกันน้ำเหลืองไหลย้อนกลับ เมื่อร่างกายขางเราเกิดเป็นแผล หรือมีเซลล์เชื้อโรคเกิดขึ้น นำเหลืองจะทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคเหล่านั้นและขับมันออกมา ซึ่งสังเกตุได้จากบาดแผล ที่มีลักษณะเป็นน้ำเหลืองตกเสก็ด ที่ปากแผลของเรา หากว่าร่างกายของเรา ไม่มีต่อมน้ำเหลือง เชื้อโรคต่าง ๆ ก็คงจะสร้างผลกระทบต่อร่างกายเราอย่างมาก และนับได้ว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ ที่ร่างกายมีระบบป้องกันที่สุดยอดขนาดนี้ในร่างกายมนุษย์
read more "ต่อมน้ำเหลือง ระบบป้องกันเชื้อโรคชั้นดี"

วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ต่อม ไธมัส ระบบป้องกันมะเร็ง

ต่อมไธมัส มีหน้าที่ในการเติมฮอร์โมน ให้กับเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ T cell ทีเซลล์ ซึ่ง ทีเซลล์นี้ร่างกายจะต้องการมากในช่วงที่เป็นเด็กเล็ก แต่เมื่อใดที่ร่างกาย เจริญเติบโตและเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ร่างกายก็จะต้องการ ทีเซลล์น้อยลงไป ทำให้ต่อม ไธมัสมีขนาดเล็กลงไปด้วย

ถึงแม้ว่าเมื่อเติบโตขึ้น ต่อมไธมัส จะมีหน้าที่ลดลงไปบ้าง แต่ความจริงแล้ว ต่อมไธมัสก็ยังทำงานร่วมกับระบบภูมิคุ้มกันมะเร็ง ส่วนอื่น ๆ อยู่ตลอดชีวิต ซึ่งคำกล่าวที่ว่า เมื่อร่างกายเจริญเติบโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีต่อมไธมัสนั้น ไม่เป็นความจริง

ที่มา  greenhealthzone
http://greenhealthzone.blogspot.com
read more "ต่อม ไธมัส ระบบป้องกันมะเร็ง"

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ต่อมทอนซิล

ปกติแล้วสารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ กระจายอยู่มากมายในอากาศ รวมไปถึงอาหารที่เรากำลังกินอยู่ทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดอย่างดี หรือ พิถีพิถัน ขนาดไหนก็ตามแต่ สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ก็ไม่อาจหมดไปได้ง่าย ๆ ดังนั้นร่างกายเราจึงมีระบบป้องกันชั้นดี ที่คอยดักจับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอม ที่อยู่ในอาหารที่เรากินลงไป ที่เรียกว่าต่อม ทอนซิล
        ต่อมทอนซิลเป็นปราการชั้นแรก ที่จะดักจับเอาสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคโดยการกินของมนุษย์ ซึ่งการกินเป็นการเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า กรณีอื่น ๆ มีบ่อยครั้งที่ ต่อมทอนซิล เกิดการอักเสบ เพราะว่าทำงานหนักเกินไป เพราะฉนั้นเราควรจะใส่ใจในเรื่องของการกินให้มาก การกินอาหารที่สะอาด ไม่สุก ๆ ดิบ ๆ  และการทำความสะอาดช่องปาก จะเป็นการดูแลต่อมทอนซิลของเรา อย่างดี
read more "ต่อมทอนซิล"

ไขกระดูก สิ่งสำคัญต่อการต้านมะเร็ง

เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคนั้น ถูกส้รางขึ้นมาจากไขกระดูก ซึ่งเป็นไขมัน ที่อยู่ตรงแกนกลางของกระดูกสันหลัง และกระดูกท่อนยาว บริเวณอื่น ๆ ดังนั้นไขกระดูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา
             นอกจากนี้ไขกระดูกบริเวณกระดูกสันหลังยังเป็น จุดรวมของระบบประสาท กล่าวคือ เส้นประสาทแต่ละเส้นจะจับตัวเป็นมัด รวมกันกับไขมันบริเวณไขกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่าง สมอง และ ร่างกายส่วนอื่น ๆดังนั้นหากว่ามีการบาดเจ็บอย่างรุนแรง บริเวณไขกระดูก ก็อาจจะทำให้บุคคลนั้น พิการ หรืออาจจะเดินไม่ได้อีก
             
read more "ไขกระดูก สิ่งสำคัญต่อการต้านมะเร็ง"

มะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณต้องรู้

มะเร็งปอดเรียกได้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดามะเร็งทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากทั่วโลก และมีแน้วโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมะเร็งปอดที่พบมีอยู่สองชนิด ชนิดแรกคือ ชนิดที่เกิดบริเวณเยื่อบุหลอดลม และชนิดที่สองคือ ชนิดที่เกิดบริเวณ ขั้วปอด และกลางปอด ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งปอดได้นั้นมีดังนี้

สาเหตุการเกิดมะเร็งปอด
         -สูบบุหรี่ ผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนร้อยละ 80 เกิดจากการสูบบุหรี่จัด และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก
         -มลพิษทางอากาศ ซึ่งมีหลายอย่างเช่น ฝุ่นละอองที่เหมืองถ่านหิน ควันจากรถยนต์
         -สูดดมสารมีพิษ อาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่นสารพิษในโรงงาน หรือสารระเหยต่าง ๆ
จากสาเหตุดังกล่าวนี้ทำให้เห็นว่ามะเร็งปอดนั้นเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เพราะมีหลายครั้งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ จึงทำให้เราต้องไปคลุกคลีอยู่กับสารก่อมะเร็งต่าง ๆ โดยที่ไม่ตั้งใจ

อาการของมะเร็งปอด
         มะเร็งปอดจะแสดงอาการที่เกี่ยวกับระบบลมหายใจ และทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีอาการ เจ็บหน้าอก ไอมีเสมหะ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มาก ๆ จะทำให้กินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด และอาจจะไอออกมาเป็นเลือดด้วย

การรักษามะเร็งปอด
          ปกติแล้ว ถ้าหากว่าเซลล์มะเร็งมีขนาดเล็ก และเกิดบริเวณเยื่อบุของหลอดลม แพทย์จะใช้วิธีเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเกิดบริเวณที่ขั้วปอด หรือกลางปอด แพทย์อาจจะทำการรักษา โดยใช้หลาย ๆ วิธีประกอบกัน เช่น การผ่าตัด ฉายรังสี ทำคีโม แต่ก็อยู่ที่สภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วยว่าสามารถรับได้มากขนาดไหน
           มะเร็งปอดนั้นรักษาหายได้ยากมาก แม้ว่าจะรักษาหายไปแล้ว แต่ก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก ต่างจากมะเร็งชนิดอื่น ที่รักษาแล้วก็มีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาเป็นอีก และเซลล์มะเร็งปอดยังสามารถแพร่กระจายได้เร็วมาก ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจึงยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก

การป้องกันมะเร็งปอด
            -หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ ที่มีควันบุหรี่มาก เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งเกิดจากบุหรี่ ถึงร้อยละ 80
            -สวมหน้ากาก หากว่าต้องทำงานอยู่กับอากาศที่เป็นพิษ เช่นในเหมือง หรือ บริเวณที่มีควันไอเสียมาก ๆ รวมทั้ง งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี และสารระเหย
            -กินอาหารที่สุกแล้ว เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดคือ พยาธิใบไม้
            -ตรวจหาเซลล์มะเร็งบ่อย ๆ หากว่า ไม่สามารถหลีกเลี่ยง การพบเจอกับสารก่อมะเร็งดังกล่าวได้
read more "มะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณต้องรู้"

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มะเร็งผิวหนัง จุดสังเกตไม่ควรมองข้าม


มะเร็งผิวหนังเป็นมะเร็งที่สามารถตรวจพบได้ง่ายมาก เพราะเกิดในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะทำการรักษาได้ทันก่อนที่จะเข้าสู่ระยะลุกลาม ซึ่งสาเหตุของมะเร็งผิวหนังมีดังนี้

สาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
              -การเป็นแผลเรื้อรังที่ผิวหนัง จนทำให้กลายเป็นมะเร็ง
              -การขยายตัวของเม็ดไฝ หรือขี้แมลงวัน
              -การถูกแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ
              -ทำงานอยู่กับสารเคมี หรือโดนสารเคมีเป็นระยะเวลานาน

อาการของมะเร็งผิวหนัง
              -เป็นตุ่มใส หรือ ดำ หรืออาจจะเป็นตุ่มนูนแดง มีเลือดซึม แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นก้อนเนื้อที่มีสีเดียวกันกับผิวของเรา ซึ่งสามารถพบเห็นได้โดยชัดเจน

การรักษามะเร็งผิวหนัง
              -การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมาพบว่าตนเองเป็นมะเร็งผิวหนัง และมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้ทัน ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะลุกลาม แพทย์จึงทำการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อร้ายออกโดยจะผ่าเอาเนื้อข้างเคียงเพื่อป้องกันการลุกลามออกไปด้วย
              -การรักษาด้วยวิธีการทำ คีโม ผู้ป่วยบางท่านไม่รู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งผิวหนัง จึงได้ปล่อยให้เข้าสู่ระยะลุกลาม แพทย์จะทำการรักษาโดยการใช้เคมีบำบัด หรือ คีโม หรือฉายรังสีร่วมด้วย

การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
               -คอยสังเกตสิ่งผิดปกติของผิวหนังในร่างกายตัวเอง หากว่ามีผิวหนังที่ผิดปกติแล้วไม่หายสักที ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไป
               -หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน หรือควรป้องกันแสงแดดด้วยวิธีต่าง ๆ
               -หลีกเลี่ยงการโดนสารเคมีต่าง ๆ เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาฉีดกันยุง หรืออื่น ๆ
               -สังเกตตำแหน่งของไฝ หรือขี้แมลงวัน ในร่างกาย และค่อยเช็คความผิดปกติอยู่เสมอ
ที่มา: http://greenhealthzone.blogspot.com/
read more "มะเร็งผิวหนัง จุดสังเกตไม่ควรมองข้าม"

มะเร็งปากมดลูก โรคที่พบมากที่สุดของผู้หญิง

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดาโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิง โดยมีอัตราส่วน 1:5000

สาเหตุการเกิดมะเร็งปากมดลูก
           -เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสำพันธ์ บางชนิด เช่นไวรัสที่ทำให้เกิดโรค หูดหงอนไก่
           -การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากว่าคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก ลูกหลานก็มีโอกาสเป็นได้

อาการของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
อาการของผู้ป่วยมักจะแสดงก็ต่อเมื่อ มะเร็งมีขนาดใหญ่แล้ว หรือเข้าสู่ระยะแพร่กระจายไปแล้ว และอาการที่พบจะเป็นดังนี้คือ
           -มีการอักเสบของมดลูกทำให้มีเลือดออกเป็นบ่อย ๆ
           -มีการตกขาว เป็นระยะเวลานาน ๆ หรือเป็นเรื้อรัง
           -รู้สึกปวดท้องน้อย หรือหน้าท้องบวมขึ้น
           -หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีเลือดออกจากช่องคลอด
           -อาเจียนออกมาเป็นเลือด ซึ่งเกิดเมื่อการแพร่กระจายสู่ลำไส้หรือ กระเพาะอาหาร
           -ต่อมน้ำเหลืองบวมโต ซึ่งจะเกิดเมื่อมีการแพร่กระจายสู่ต่อมน้ำเหลือง

การรักษามะเร็งปากมดลูก
           -กรณีที่อยู่ในระยะเซลล์ตั้งต้น หรือยังไม่ลุกลามเข้าสู่มดลูก อาจจะใช้เลเซอร์ทำการจี้ทำลายที่เซลล์มะเร็ง ผู้ป่วยยังสามารถมีลูกได้เพราะไม่ได้ผ่าตัดเอามดลูกออก
           -หากว่ามีการลุกลามเข้าสู่มดลูกแล้ว ต้องทำการผ่าตัดมดลูก หรืออาจจะเอาต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้ ๆ ออกด้วย เพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งลุกลาม
           -กรณีที่เซลล์มะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจายแล้ว แพทย์อาจจะใช้วิธีการทำเคมีบำบัด หรือ คีโม เพื่อควบคุมเซลล์มะเร็ง หรืออาจจะมีการ ฉายรังสีเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งไปด้วย ทั้งนี้แล้วแต่แพทย์จะเลือกใช้วิธีใดบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ผลข้างเคียงจากการรักษา
            -หากทำการรักษาด้วยวิธีฉายรังสี จะมีการตกสะเก็ดของผิวหนัง มีผิวหนังแห้ง ซึ่งจะเกิดเมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน
            -หากทำการักษาด้วยการทำ คีโม จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชาตามมือและเท้า มีเลือดออกเวลาปัสสาวะ และผมจะร่วง เพราะว่าเซลล์ปกติจะถูกทำลายไปบางส่วนพร้อมกับเซลล์มะเร็ง
 
การป้องกันโรคมะเร็ง
ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก 6000 คนต่อปี โดยส่วนใหญ่จะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะทำการรักษาหาย ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีนึงที่ผู้หญิงทุกคนควรเอาใจใส่ในสุขภาพของตนเอง ซึ่งการป้องกันมีวิธีต่าง ๆ ดังนี้
            -หากว่ามีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปากมดลูก บุคคลในครอบครัวควรทำการตรวจหามะเร็งเป็นประจำ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่ลูกหลานจะเป็นโรคนี้อีก
            -หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในคู่สมรสที่บ่อย เพราะเชื้อไวรัสต่าง ๆ มีส่วนทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ 
        
read more "มะเร็งปากมดลูก โรคที่พบมากที่สุดของผู้หญิง"

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia)


มะเร็งเม็ดเลือดขาว จัดได้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่น่ากลัวมาก เพราะผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้จะเสียชีวิตในเวลาอันสั้น และส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว มักจะทำการรักษาไม่หาย เพราะเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในบริเวณที่ยากต่อการรักษา
          สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากหลายสาเหตุมาก ส่วนใหญ่แล้วมาจาก กรรมพันธุ์ การได้รับสารก่อมะเร็ง ไวรัสบางชนิด ซึ่งเราสามารถแบ่งชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาวออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่เกิดบริเวณ น้ำเหลือง ซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ ส่วนที่เป็น เม็ดเลือดขาว ทำให้ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปทำลายหรือ ต่อสู้กับเชื้อโรค หรือเซลล์ผิดปกติต่าง ๆ

อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
           ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว จะมีร่างกายที่อ่อนแอมาก เนื่องจากระบบป้องกันต่าง ๆ ของร่างกายถูกทำลายลงไป ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเป็นไข้หวัด อยู่บ่อยครั้ง มีอาการไข้เรื้อรัง ร่างกายไม่มีแรงเนื่องจากขาดพลังงาน แน่นหน้าอก หรือหายใจติดขัด  หากเกิดบาดแผล เลือดจะแข็งตัวช้ามาก เพราะว่าเกล็ดเลือดมีน้อยมาก
            หากว่าร่างกายมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยให้ละเอียดอีกที ซึ่งหากพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่เนิ่น ๆ การรักษานั้นก็ยังสามารถทำได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยมักจะมาถึงมือแพทย์ เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว จึงทำให้เข้าใจกันว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นแล้วต้องตาย

การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
             การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน จะมีอยู่สองวิธี คือ การใช้เคมีบำบัด หรือการทำ คีโม และอีกวิธีหนึ่งก็คือการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างการใช้ยาเสริม หรือการฉีดเสต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อให้ร่างกายผู้ป่วยสามารถ ผลิตเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับมะเร็งได้เอง
             การรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ นี้ จะส่งผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยอย่างมาก และสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างก็คือ โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ

การป้องกัน
             หากว่ามีคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแล้ว บุคคลในครอบครัวนั้นต้องทำการตรวจหาเซลล์มะเร็งบ่อย ๆ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่บุคคลในครอบครัว อาจจะมีเซลล์มะเร็งติดมาด้วยจากกรรมพันธุ์ และนอกจากนั้นก็ควรจะกินอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินเอ เพื่อช่วยให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะสามารถป้องกันมะเร็งได้
read more "มะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia)"

มะเร็งเต้านม โรคที่ผู้หญิงต้องรู้


มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่สามารถ ลุกลามและขยายตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจาก บริเวณที่เป็นนั้น จะอยู่ใกล้กับ รักแร้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านมจึงเป็นอตรายอย่างมากสำหรับผู้หญิง
         ส่วนใหญ่แล้วมะเร็งเต้านมจะพบกับผู้หญิงที่มีอายุ  50 ปีขึ้นไป ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่าส่วนหนึ่ง จะเกิดมาจาก ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือผู้ที่ทาน ฮอร์โมนต่าง ๆ และรวมทั้งผู้ที่กินยาคุม หรือใช้ยาคุมกำเนิดด้วย นอกจากนี้มะเร็งเต้านม ยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปสู่ลูกหลานได้ หากว่ามีคนในครอบครัว ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมแล้ว ผู้ที่สืบเชื้อสายของครอบครัวนี้ ต้องหมั่นตรวจหาเซลล์มะเร็งมากกว่า บุคคลอื่นหลายเท่า เพราะอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงกว่าผู้อื่น

อาการของมะเร็งเต้านม
          1.รูปร่างของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง หรือผิดรูปไปจากเดิมจนพอที่จะสังเกตได้
          2.คันบริเวณหัวนมหรือบางครั้งอาจจะมีเลือดออก หรือหัวนมเป็นสีแดง
          3.เมื่อเอามือคลำ อาจจะเจอก้อนเนื้อ บริเวณเต้านม หรืออาจจะมีอาการเจ็บเมื่อมะเร็งมีขนาดใหญ่แล้ว
          4.ผิวหนังบริเวณเต้านม ตกสะเก็ด หรือมีความหน้าเพิ่มมากขึ้น
          5.เมื่อเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย บริเวณรักแร้ จะมีอาการบวม เพราะต่อมน้ำเหลืองโต

การตรวจด้วยตนเอง 
           ในการคลำหามะเร็งเต้านมจะต้องทำเมื่อ หมดประจำเดือนแล้ว เพราะเป็นช่วงที่นมไม่คัดหรือแข็งตัว โดยวิธีการตรวจให้ยืนที่หน้ากระจก แล้วหันซ้ายหรือหันขวา เพื่อดูว่าเต้านมยังคงรูปเดิมหรือไม่ หากว่ามีรอยบุ๋ม หรือนูนขึ้นมา ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งเต้านม หรือ อาจจะตรวจโดยการ ยกแขนข้างเดียวกบเต้านมที่ต้องการจะตรวจขึ้นสูง ๆ  แล้วใช้มืออีกข้างคลำเบา ๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติบริเวณเต้านม โดยเมื่อทำเสร็จอีกข้างนึงแล้ว ก็สลับมาเป็นอีกข้างในวิธีเดียวกัน 

การป้องกันมะเร็งเต้านม
             1.ควรหมั่นตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง อยู่เสมอหลังหมดประจำเดือน โดยหากมีอาการผิดปกติก็ควรจะให้แพทย์ทำการตรวจทันที
             2.หลีกเลี่ยง การกินยาคุมกำเนิด หรือใช้ยาคุมกำเนิด ต่อเนื่องยาวนาน เพราะยาคุมกำเนิดมีส่วนประกอบของฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งเป็นจำนวนมาก
             3.หลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรม เต้านม หรือหากได้ทำไปแล้ว ก็ควรจะตรวจหามะเร็ง เต้านมมากกว่าผู้อื่นหลายเท่า เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูง
             4.พบแพทย์ทันที เมื่อตรวจเจอสิ่งผิดปกติ เพื่อที่จะทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ถ้าหากเข้าสู่ช่วงแพร่กระจายแล้วจะทำการรักษาได้ยากมาก ซึ่งถ้าไม่นิ่งนอนใจ ก็มีโอกาสที่จะรักษาหายได้ 100%
read more "มะเร็งเต้านม โรคที่ผู้หญิงต้องรู้"

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา

โรคมะเร็ง เป็นโรคร้ายที่เมื่อเป็นแล้วจะทำให้เกิดความทรมานอย่างมากต่อผู้ป่วย เพราะนอกจากจะเจ็บปวดจากโรคมะเร็งแล้ว เมื่อทำการรักษา ยังมีผลตามมาที่ค่อนข้างสาหัส เช่น ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ อาจจะมีหนอง ออกในช่องท้องตลอดเวลา เนื่องจากการต่อสู้ของระบบภูมิคุ้มกัน กับ เซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรมานมาก หรือผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการทำ คีโม หรือ เคมีบำบัด จะมีร่างกายที่อ่อนแอมาก เนื่องจาก สารเคมีที่ใช้รักษาไม่ได้เข้าไปทำลายแค่เซลล์มะเร็งอย่างเดียว แต่ยังทำลาย เซลล์ที่ปกติ ของเราอีกด้วย นั้นหมายถึงระบบภูมิคุ้มกันบางส่วน จะถูกทำลายไปพร้อมกับ เซลล์มะเร็ง ผู้ที่ทำการรักษาด้วยการทำ คีโม จึงมีบางส่วนที่อาจจบชีวิต ด้วยโรคแทรกซ้อน ต่าง ๆ
read more "ผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา"

มะเร็งน่ากลัวขนาดไหน


มะเร็งนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เพราะร่างกายของเราผลิตเซลล์ขึ้นมาตลอดเวลา ดังนั้นเซลล์มะเร็งจึงถูกผลิตขึ้นมาตลอดเวลาเหมือนกัน เพียงแต่ร่างกายของใคร จะมีระบบป้องกันมะเร็งที่ดี จนเซลล์มะเร็งนี้ทำอะไรไม่ได้เท่านั้นเอง แต่คนทั่ว ๆ ไปเมื่อได้ยินคำว่ามะเร็งแล้ว จะรู้สึกกลัวต่อคำ ๆ นี้มาก เพราะหลาย ๆ คนมักจะเห็นว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นมักจะพบกับจุดจบของชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ป่วยเป็นมะเร็งจะต้องเสียชีวิตทั้งหมด เพราะมีผู้ป่วยที่รักษาหายมาแล้วเหมือนกัน
           แม้ว่าร่างกายจะมีระบบป้องกัน เพื่อกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติ อันเป็นต้นกำเนิดของมะเร็งอยู่ก็ตาม แต่ว่า เซลล์มะเร็งนั้นมีความสามารถที่ร้ายกาจมาก มันสามารถ ลุกลามได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการรักษาเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม
           ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น หากว่าเซลล์มะเร็ง ยังอยู่ในระยะเซลล์ตั้งต้น แพทย์จะสามารถทำการรักษาให้หายได้ เกือบจะทั้งหมด แต่ถ้าหากว่า เซลล์ตั้งต้นนี้ กลายเป็นเซลล์มะเร็งแล้ว และเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว การรักษาจะมีความลำบากมาก และส่วนใหญ่ ผู้ป่วยมะเร็งมักจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ตอนที่เข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว 
read more "มะเร็งน่ากลัวขนาดไหน"

สาเหตุและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง


บุหรี่
        มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดามะเร็งทั้งหมด ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งสาเหตุของมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากการสูบบุหรี่ และนอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกเช่น มะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงจมูก มะเร็งในกระเพาะ และอื่น ๆ อีกมากมาย
        ในบุหรี่มีสารพิษมากมาย มากกว่า 4000 ชนิด และเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งมากมาย เช่น อะลูมิเนียม คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ นิโคติน บิวเทน ทองแดง ไซยาไนด์  ทาร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

เหล้า   
         ตับของเรามีหน้าที่ กำจัดสารพิษออกจากเลือด และเหล้าที่เราดื่มกันเข้าไปนั้น จะมีแอลกอฮอล์ ซึ่งแอลกอฮอล์นี้จะไปซึมอยู่ในกระแสเลือด ทำให้ตับต้องขับสารพิษเหล่านี้ออกมา แต่หากว่าดื่มทุกวัน ตับของเราจะทำงานหนักมาก และจะถูกทำลายด้วยสารพิษจากแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ตับเกิดการอักเสบ และเกิดเป็นโรคตับแข็ง และกลายเป็นมะเร็งตับ ได้

ความอ้วน
          น้ำหนักตัวที่มาก จะทำให้ร่างกายมีระบบฮอร์โมนที่ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายหนักมากขึ้น และส่งผลให้เกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งดูได้จาก ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัว มากกว่ามาตรฐาน ตามมาด้วยมะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม และอื่น ๆ มีกมากมาย

ความเครียด
           ความเครียดส่งผลให้ระบบของฮอร์โมนทำงานผิดปกติเช่นเดียวกันกับผู้ที่มี น้ำหนักมาก ซึ่งในผู้ที่มีความเครียดมาก ๆ จะมีการหลั่ง ฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อว่า เคอร์ซิโตน ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะเข้าไปขัดขวางการทำงานของ เม็ดเลือดขาว เป็นผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราอ่อนแอลง และเป็นโรคอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือโรคมะเร็ง

กรรมพันธุ์
            มีมะเร็งหลายชนิดที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้ เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในลำไส้ มะเร็งปากมดลูก แต่ใช่ว่าลูกหลานจะได้รับการถ่ายทอด เซลล์มะเร็งนี้ทุกคน แต่ถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง คนในครอบครัวนี้ก็มีโอกาสมาก หรืออยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อไป

ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ
             ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำนั้น หากว่าได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานหนักขึ้นไปอีก และถ้าหากว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สามารถกำจัดของเสีย หรือสิ่งแปลกปลอมได้หมด ก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งตามมาได้

กินอาหารที่ไม่ถูกต้อง
              ใน อาหารบางประเภท จะมีสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่มาก ซึ่งอาจจะเกิดจากการใช้สารเคมี หรือยากำจัดศัตรูพืช หรือ สารบางชนิดที่ใส่กับของสดเพื่อให้อาหารดูสดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งสารต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้ถูกชำระล้างออกไปให้หมด หรืออาจจะทำการชำระล้างได้ยากมาก เมื่อนำเข้าสู่ร่างกาย จึงได้มีการสะสมอยู่ในร่างกาย และเมื่อรับในปริมาณมาก ๆ จนไม่สามารถขับสาร ต่างๆ เหล่านี้ออกมาได้หมด ก็จะทำให้เป็นโรคมะเร็งตามมา  ซึ่งมะเร็งที่พบส่วนใหญ่จะเป็น มะเร็งลำไส้ มะเร็งในกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบอาหารเป็นส่วนใหญ่
               ในอดีตที่ผ่านมานั้น ในอาหารของเรายังไม่มีการ ผลิตสารเคมีต่างๆ เหล่านี้มาช่วยในเรื่องของการกำจักศัตรูพืช หรือทำของให้สด ทำให้คนในอดีตนั้นเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับคนในปัจจุบัน


เกล็ดน่ารู้
              รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของเรามีการผลิตเซลล์ เพื่อพัฒนาและซ่อมแซมร่างกายตลอดเวลา เป็น ล้านเซลล์ และในการผลิตเซลล์นี้ก็จะมี เซลล์ผิดปกติ ผลิตออกมาเป็นล้านเซล์ด้วยเช่นกัน แต่ว่าในร่างกายเราจะมีระบบป้องกัน อย่างเม็ดเลือดขาว ที่จะทำลายเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ให้หมดออกไป ไม่ว่าจะทาง ปัสวะ อุจจาระ หรือเหงื่อไคล และถ้าหากว่าร่างกายมีระบบป้องกันที่อ่อนแอ ไม่สามารถกำจัดเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ได้ทัน จะเกิดอะไรขึ้น 
read more "สาเหตุและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง"

วิธีรักษาโรคมะเร็งของแพทย์


ในการรักษาโรคมะเร็งของแพทย์ แพทย์จะเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมมากที่สุดกับผู้ป่วย  ซึ่งวิธีการรักษาก็มีอยู่หลายวิธีทั้งการ ผ่าตัด การทำคีโม การฉายรังสี สารชีวภาพ วัคซีน และในผู้ป่วยหนึ่งคนอาจจะใช้หลาย ๆ วิธีเข้าช่วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

การผ่าตัด
             การผ่าตัดจะใช้กับผู้ป่วยมะเร็งที่มีก้อนเนื้อไม่ใหญ่มาก หรือถ้ายังมีขนาดใหญ่ ก็จะรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เพื่อให้เซลล์มะเร็งหดตัว แล้วจึงทำการผ่าตัด และวิธีการผ่าตัดนี้จะใช้ได้กับผู้ป่วยที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงแพร่กระจาย ถ้าหากว่าเข้าสู่ช่วงแพร่กระจายแล้ว การผ่าตัดก็จะไม้ผลเนื่องจากว่าเซลล์มะเร็งสามารถขยายตัวขึ้นมาใหม่ได้ ในการรักษาด้วยวิธีนี้ มักจะใช้กับ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งตับ หรืออาจจะเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ ที่ยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก

รังสีรักษา
             เป็นการฉายรังสีไปยังเซลล์เป้าหมายเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็ง โดยแพทย์จะค่อย ๆฉายรังสี ครั้งละประมาณ 180-200 cGu โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ แต่ว่าแพทย์จะคำนึงถึงความสามารถในการรับรังสีของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะว่าการรักษาด้วยวิธีนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยพอสมควร เช่น อาจจะทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรืออื่น ๆ แต่วิธีนี้ก็ยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการทำ คีโม
       
การฉายรังสี
              1.การฉายรังสีภายนอก
              การฉายรังสีภายนอกจะใช้ในมะเร็งที่อยู่ในระยะแพร่กระจาย และ ลุกลาม เช่นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งที่กำหนดจุดไม่ได้ ซึ่งรังสีที่ใช้ในการรักษาจะใช้รังสีจาก โคบอลต์-60 ส่วนในกรณีที่เป็นมะเร็งใกล้กับอวัยวะสำคัญ แพทย์จะใช้ รังสีจาก เรเดียม - 226 และ อีริเดียม - 192 เพื่อให้เกิดผลกระทบกับอวัยวะนั้น ๆ น้อยที่สุด
               2.การฉายรังสีภายใน
               แพทย์จะทำการผ่าตัด สอดใส่หลอดกัมมันตภาพรังสี หรือ เม็ดกัมมันตภาพรังสีขนาดเล็ก ไว้ในก้อนมะเร็ง  เพื่อให้เซลล์มะเร็งนั้นลดขนาดลง แล้วจึงทำการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีนี้กับมะเร็งที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ

เคมีบำบัด
               โดย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย และลุกลามไปยังเซลล์อื่น ๆ แล้ว ดังนั้นเมื่อมาถึงมือแพทย์ แพทย์จะทำการรักษาด้วย เคมีบำบัด หรือเรียกสั้น ๆ ว่า คีโม ซึ่งจะมีวิธีใช้อยู่สองวิธี คือ การฉีดเข้าเส้นเลือด และ การกิน
                เนื่องจากว่า สารเคมีที่ใช้รักษามะเร็งนั้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายสูงมาก เพราะว่าสารเคมีนี้ อาจจะทำลายเซลล์ปกติไปด้วย รวมทั้งเม็ดเลือดขาวก็ถูกทำลายไปบางส่วน จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก และมีผลที่ข้างเคียงตามมาเช่น ผมร่วง มือชาเท้าชา อาเจียน  หากแพทย์พบว่ามีผลข้างเคียงมากเกินไป ก็จะหยุดการบำบัดก่อนแล้วจึงรักษาใหม่ ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงได้ จึงมีหลายคนที่ท้อแท้และไม่ทำการรักษาต่อ 

สารชีวภาพ
                วิธีนี้อาจจะใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ เพราะเป็นการนำสารที่ได้จากการสังเคราะห์ หรือนำมาจากร่างกายผู้ป่วยเอง มาเพาะเชื้อให้เกิดภูมิต้านทาน แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปในร่างกายใหม่ เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ด้วยตัว เอง

วัคซีน
                วิธีนี้ กำลังจะนำมาใช้เป็นทางเลือกการรักษาใหม่ ในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งใช้วิธีการนำเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem cell ของผู้ป่วยจากไขกระดูกสันหลัง ออกมาเก็บไว้ภายนอก แล้วจึงกำจัดเซลล์มะเร็งด้วยสารเคมีที่เข้มข้น เมื่อเซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ก็จะทำการ ฉีดเซลล์ต้นกำเนิดกลับเข้าไปใหม่ เพื่อให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านมะเร็งด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้ได้มีการนำมาใช้กับ ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งตับแล้ว และสามารถใช้อย่างได้ผลกับผู้ป่วยในบางท่าน
read more "วิธีรักษาโรคมะเร็งของแพทย์"

ความอันตรายของมะเร็งแต่ละระยะ


ความร้ายแรงของมะเร็งนั้นขึ้นอยู่ ปัจจัยหลายอย่างเช่น บริเวณที่เป็น ชนิดของมะเร็ง และสาเหตุ ซึ่งมะเร็งบางชนิด สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้โดยง่าย แต่ บางชนิดก็ยากมาก ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งที่ตรวจเจอด้วย โดยแพทย์จะแบ่งความอัตรายออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน
             ระยะเริ่มต้น ระยะนี้คือระยะที่ เซลล์ที่ผิดปิกติ เริ่มกลายเป็นเซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง (อ่านได้ที่มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งระยะนี้ยังไม่อัตรายมากนัก และร่างกายยังสามารถกำจัดออกได้บางส่วน

             ระยะเติบโต หรือระยะที่ 1 คือ ระยะที่เซลล์ตั้งต้นเริ่มขยายเป็นก้อนเนื้อ และถ้าหากว่าเป็นที่ผิวหนัง หรือ เต้านม ก็จะสามารถคลำเจอได้ แต่ในระยะนี้มะเร็งยังมีขนาดไม่โตมาก คือ ไม่เกิน 2 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าไปที่ต่อมน้ำเหลือง

              ระยะเจริญเติบโต หรือ ระยะที่ 2 ใน ระยะนี้จะเริ่มมีอาการเจ็บของก้อนเนื้อ หรืออาจจะไม่เจ็บก็ได้ แล้วแต่ว่า เป็นมะเร็งชนิดไหน ขนาดของก่้อนเนื้อก็จะเริ่มโตขึ้นมากกว่าเดิม แต่ยังน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง 

               ระยะลุกลาม หรือ ระยะที่ 3 ใน ระยะนี้มะเร็งจะเริ่มลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว นอกจากนี้ ยังมีอาการเจ็บตามมาแถว บริเวณก้อนเนื้อที่เป็น จนทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และก้อนมะเร็งจะขยายมากขึ้นกว่าเดิม คือมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร แต่ว่ายังไม่แพร่กระจายไปอวัยวะส่วนอื่น 

                ระยะแพร่กระจาย ระยะที่ 4 เมื่อ เข้าสู่ระยะนี้ โอกาสที่จะรักษานั้นแทบไม่มีแล้ว แต่่ว่าบางคนก็สามารถรักษาหายได้ แต่โอกาศน้อยมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ในระยะนี้ มะเร็งได้เข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง และได้แพร่กระจาย ไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ แล้ว  โดยมากผู้ที่เป็นมะเร็งตับอ่อน จะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า มะเร็งชนิดอื่น ๆ เนื่องจากว่า มะเร็งชนิดอื่น  ๆ จะเริ่มแสดงอาการว่าเป็นมะเร็ง ตั้งแต่ระยะก่อนหน้านี้แล้ว แต่มะเร็งตับอ่อนจะแสดงอาการในระยะที่ 4 นี้ 

                 ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น แพทย์จะตรวจหามะเร็งและแบ่งระยะของมะเร็ง ออกเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา เช่น หากพบผู้ป่วยที่อยู่ในระยะเริ่มต้น จนถึงระยะที่ 1 ผู้ป่วยส่วนมากจะรักษาหายได้ง่าย ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะได้ทั้งหมดทุกคน ส่วนใหญ่แล้วเมื่อแพทย์พบว่า เซลล์มะเร็งหยุดการขยายตัว หยุดแพร่กระจาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายแล้ว แพทย์ก็จะหยุดทำการรักษา  
                 เนื่องจากว่าการรักษาโรคมะเร็งนั้นสร้างความบอบช้ำให้แก่ร่างกายอย่างสาหัส เพราะว่าในการรักษาไม่ว่าจะเป็นการ ฉายรังสี บำบัดด้วยเคมี  ยาปฏิชีวนะ  การผ่าตัด ล้วนแต่ทำให้เซลล์ที่ปกติที่อยู่ข้างเคียงเซลล์มะเร็งนั้นเกิดความเสียหายไป ด้วย ดังนั้นในการรักษาแพทย์จึงมุ่งเน้นไปที่ การหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง 
                 ในครั้งหน้าติดตามอ่านได้ต่อที่ การรักษาโรคมะเร็งของแพทย์ ว่ามีวิธีไหนบ้างและทำอย่างไร

read more "ความอันตรายของมะเร็งแต่ละระยะ"

การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง

การเกิดโรคแทรกซ้อน
        ร่างกายของเราผลิตเซลล์ขึ้นมา เพื่อพัฒนา หรือ ซ่อมแซมร่างกายเราตลอดเวลา และเซลล์ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ จะมีเซล์ที่ผิดปกติ รวมอยู่ด้วย แต่ว่าระบบการทำงานของร่างกายเรา จะสามารถกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้ออกไปได้
         แต่เนื่องจากว่า เซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง สามารถแบ่งเซลล์ได้เร็วกว่า เซลล์ปกติมาก ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อ มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็จะทำเซลล์มะเร็งบุกรุกไปยังเซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหากได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่องขึ้นไปอีก ก็จะทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตอย่างรวดเร็ว และเซลล์มะเร็งนี้ ยังสามารถที่จะ ทำลาย และ ขัดขวางการทำงาน ของเซลล์ปกติ ที่อยู่ใกล้กับตัวมันด้วย และเมื่อเซลล์ปกติของเราถูกทำลาย ร่างกายของเรา ก็ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกัน อย่างเม็ดเลือดขาวก็จะลดลงไปอย่างมาก เนื่องจากร่างกายต้องส่ง เม็ดเลือดขาว ไปคอยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งตลอดเวลา ทำให้เมื่อเกิดโรคอื่น ๆ ขึ้น เม็ดเลือดขาวจึงมีไม่พอที่จะไปต้านทานโรคใหม่ หรือเชื้อโรค ที่กำลังเกาะกินอยู่ในร่างกายเรา จึงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น
 ครั้งหน้า จะนำอันตรายของมะเร็งในระยะต่าง ๆ มาให้ดูกัน
read more "การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง"

มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร


มะเร็งไม่ได้เป็นโรคที่เพิ่งเกิดมา แต่ว่าด้วยเทคโนโลยีในสมัยก่อนนั้น ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่า อาการป่วยที่กำลังเป็นกันอยู่นั้น เรียกว่าโรค มะเร็ง
   การเกิดโรคมะเร็ง
   ในร่างกายคนเรานั้น มีเซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา โดยที่เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่ช่วยในการ พัฒนาร่างกาย หรือ ซ่อมแซมของเก่าที่เสื่อมสภาพไป โดยใน 1 นาทีนั้นสามารถที่จะผลิตเซลล์ เหล่านี้เป็นล้าน ๆ เซลล์
    แต่เซลล์ที่ผลิตออกมานั้น ใช่ว่า จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด เพราะอาจถูกรบกวนจากหลาย ๆ สาเหตุ เช่น การกระตุ้นจากเชื้อโรค  จากสารก่อมะเร็ง หรือจากสาร อนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์นั้นไม่สมบูรณ์จึงมีเซลล์ที่มีการทำงานผิดปกติจากเดิม ที่ควรจะเป็น ซึ่งเซลล์ ที่ผิดปกตินี้ เรียกว่า เซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง

การพัฒนาของเซลล์มะเร็ง
                 ปกติ แล้วเราจะพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนมากจะเป็นผู้มีอายุ แต่ก็ใช่ว่า จะไม่เกิดในเด็กหรือวัยรุ่น เพราะหากว่าเซลล์มะเร็งถูกถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ก็จะทำให้เด็ก หรือวัยรุ่นเป็นมะเร็งได้เช่นกัน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ ชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วย ว่าคลุกคลีกับสารก่อมะเร็งมากขนาดไหน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด หรือ ดื่มเหล้า จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้เร็วกว่ามาก
                  เมื่อร่างกาย ได้รับสารก่อมะเร็ง อย่าง การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือ ใช้สารเสพติด สารเหล่านี้จะไปจับตัวกับเซลล์มะเร็ง และเร่งให้เซลล์มะเร็งพัฒนาอย่างรวดเร็ว บางคนมีเซลล์มะเร็งที่พัฒนาเร็วมาก โดยภายใน หนึ่ง ปี อาจจะตรวจพบเซลล์มะเร็งที่ใหญ่มาก ๆ  เพราะว่าสารเหล่านี้สามารถกดภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ทำให้ ร่างกายไม่สามารถ ขับไล่ สิ่งผิดปกติ หรือเซลล์มะเร็ง ออกมาได้ เซลล์มะเร็งก็จะยิ่งแพร่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว และตัวการที่ทำให้เซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว ก็คือ อนุมูลอิสระที่มีปริมาณมาก ๆ
                ในตอนหน้า จะกล่าวถึงผลที่ตามมาของการเป็นมะเร็ง ติดตามอ่านได้ใน  การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง 
read more "มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร"

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554