วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ต่อมทอนซิล

ปกติแล้วสารพิษ หรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ กระจายอยู่มากมายในอากาศ รวมไปถึงอาหารที่เรากำลังกินอยู่ทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าเราจะทำความสะอาดอย่างดี หรือ พิถีพิถัน ขนาดไหนก็ตามแต่ สิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ก็ไม่อาจหมดไปได้ง่าย ๆ ดังนั้นร่างกายเราจึงมีระบบป้องกันชั้นดี ที่คอยดักจับเชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอม ที่อยู่ในอาหารที่เรากินลงไป ที่เรียกว่าต่อม ทอนซิล
        ต่อมทอนซิลเป็นปราการชั้นแรก ที่จะดักจับเอาสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคโดยการกินของมนุษย์ ซึ่งการกินเป็นการเอาเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้มากกว่า กรณีอื่น ๆ มีบ่อยครั้งที่ ต่อมทอนซิล เกิดการอักเสบ เพราะว่าทำงานหนักเกินไป เพราะฉนั้นเราควรจะใส่ใจในเรื่องของการกินให้มาก การกินอาหารที่สะอาด ไม่สุก ๆ ดิบ ๆ  และการทำความสะอาดช่องปาก จะเป็นการดูแลต่อมทอนซิลของเรา อย่างดี
read more "ต่อมทอนซิล"

ไขกระดูก สิ่งสำคัญต่อการต้านมะเร็ง

เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคนั้น ถูกส้รางขึ้นมาจากไขกระดูก ซึ่งเป็นไขมัน ที่อยู่ตรงแกนกลางของกระดูกสันหลัง และกระดูกท่อนยาว บริเวณอื่น ๆ ดังนั้นไขกระดูกจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา
             นอกจากนี้ไขกระดูกบริเวณกระดูกสันหลังยังเป็น จุดรวมของระบบประสาท กล่าวคือ เส้นประสาทแต่ละเส้นจะจับตัวเป็นมัด รวมกันกับไขมันบริเวณไขกระดูกสันหลัง ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่าง สมอง และ ร่างกายส่วนอื่น ๆดังนั้นหากว่ามีการบาดเจ็บอย่างรุนแรง บริเวณไขกระดูก ก็อาจจะทำให้บุคคลนั้น พิการ หรืออาจจะเดินไม่ได้อีก
             
read more "ไขกระดูก สิ่งสำคัญต่อการต้านมะเร็ง"

มะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณต้องรู้

มะเร็งปอดเรียกได้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดามะเร็งทั้งหมด ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยมะเร็งเป็นจำนวนมากทั่วโลก และมีแน้วโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมะเร็งปอดที่พบมีอยู่สองชนิด ชนิดแรกคือ ชนิดที่เกิดบริเวณเยื่อบุหลอดลม และชนิดที่สองคือ ชนิดที่เกิดบริเวณ ขั้วปอด และกลางปอด ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดเป็นมะเร็งปอดได้นั้นมีดังนี้

สาเหตุการเกิดมะเร็งปอด
         -สูบบุหรี่ ผู้ป่วยมะเร็งปอดจำนวนร้อยละ 80 เกิดจากการสูบบุหรี่จัด และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก
         -มลพิษทางอากาศ ซึ่งมีหลายอย่างเช่น ฝุ่นละอองที่เหมืองถ่านหิน ควันจากรถยนต์
         -สูดดมสารมีพิษ อาจจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่นสารพิษในโรงงาน หรือสารระเหยต่าง ๆ
จากสาเหตุดังกล่าวนี้ทำให้เห็นว่ามะเร็งปอดนั้นเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวเรามาก เพราะมีหลายครั้งที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ จึงทำให้เราต้องไปคลุกคลีอยู่กับสารก่อมะเร็งต่าง ๆ โดยที่ไม่ตั้งใจ

อาการของมะเร็งปอด
         มะเร็งปอดจะแสดงอาการที่เกี่ยวกับระบบลมหายใจ และทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผู้ป่วยอาจจะมีอาการ เจ็บหน้าอก ไอมีเสมหะ หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ถ้าก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่มาก ๆ จะทำให้กินอาหารไม่ได้ น้ำหนักลด และอาจจะไอออกมาเป็นเลือดด้วย

การรักษามะเร็งปอด
          ปกติแล้ว ถ้าหากว่าเซลล์มะเร็งมีขนาดเล็ก และเกิดบริเวณเยื่อบุของหลอดลม แพทย์จะใช้วิธีเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเกิดบริเวณที่ขั้วปอด หรือกลางปอด แพทย์อาจจะทำการรักษา โดยใช้หลาย ๆ วิธีประกอบกัน เช่น การผ่าตัด ฉายรังสี ทำคีโม แต่ก็อยู่ที่สภาพร่างกายของผู้ป่วยด้วยว่าสามารถรับได้มากขนาดไหน
           มะเร็งปอดนั้นรักษาหายได้ยากมาก แม้ว่าจะรักษาหายไปแล้ว แต่ก็สามารถกลับมาเป็นได้อีก ต่างจากมะเร็งชนิดอื่น ที่รักษาแล้วก็มีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาเป็นอีก และเซลล์มะเร็งปอดยังสามารถแพร่กระจายได้เร็วมาก ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจึงยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก

การป้องกันมะเร็งปอด
            -หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรืออยู่ในที่ ที่มีควันบุหรี่มาก เพราะสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งเกิดจากบุหรี่ ถึงร้อยละ 80
            -สวมหน้ากาก หากว่าต้องทำงานอยู่กับอากาศที่เป็นพิษ เช่นในเหมือง หรือ บริเวณที่มีควันไอเสียมาก ๆ รวมทั้ง งานที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี และสารระเหย
            -กินอาหารที่สุกแล้ว เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดคือ พยาธิใบไม้
            -ตรวจหาเซลล์มะเร็งบ่อย ๆ หากว่า ไม่สามารถหลีกเลี่ยง การพบเจอกับสารก่อมะเร็งดังกล่าวได้
read more "มะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณต้องรู้"

วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มะเร็งผิวหนัง จุดสังเกตไม่ควรมองข้าม


มะเร็งผิวหนังเป็นมะเร็งที่สามารถตรวจพบได้ง่ายมาก เพราะเกิดในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะทำการรักษาได้ทันก่อนที่จะเข้าสู่ระยะลุกลาม ซึ่งสาเหตุของมะเร็งผิวหนังมีดังนี้

สาเหตุของมะเร็งผิวหนัง
              -การเป็นแผลเรื้อรังที่ผิวหนัง จนทำให้กลายเป็นมะเร็ง
              -การขยายตัวของเม็ดไฝ หรือขี้แมลงวัน
              -การถูกแสงแดดจัดเป็นเวลานาน ๆ
              -ทำงานอยู่กับสารเคมี หรือโดนสารเคมีเป็นระยะเวลานาน

อาการของมะเร็งผิวหนัง
              -เป็นตุ่มใส หรือ ดำ หรืออาจจะเป็นตุ่มนูนแดง มีเลือดซึม แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นก้อนเนื้อที่มีสีเดียวกันกับผิวของเรา ซึ่งสามารถพบเห็นได้โดยชัดเจน

การรักษามะเร็งผิวหนัง
              -การรักษาด้วยวิธีผ่าตัด ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะมาพบว่าตนเองเป็นมะเร็งผิวหนัง และมาพบแพทย์เพื่อทำการรักษาได้ทัน ก่อนที่จะเข้าสู่ระยะลุกลาม แพทย์จึงทำการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อร้ายออกโดยจะผ่าเอาเนื้อข้างเคียงเพื่อป้องกันการลุกลามออกไปด้วย
              -การรักษาด้วยวิธีการทำ คีโม ผู้ป่วยบางท่านไม่รู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งผิวหนัง จึงได้ปล่อยให้เข้าสู่ระยะลุกลาม แพทย์จะทำการรักษาโดยการใช้เคมีบำบัด หรือ คีโม หรือฉายรังสีร่วมด้วย

การป้องกันมะเร็งผิวหนัง
               -คอยสังเกตสิ่งผิดปกติของผิวหนังในร่างกายตัวเอง หากว่ามีผิวหนังที่ผิดปกติแล้วไม่หายสักที ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยต่อไป
               -หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดเป็นเวลานาน หรือควรป้องกันแสงแดดด้วยวิธีต่าง ๆ
               -หลีกเลี่ยงการโดนสารเคมีต่าง ๆ เช่น น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาฉีดกันยุง หรืออื่น ๆ
               -สังเกตตำแหน่งของไฝ หรือขี้แมลงวัน ในร่างกาย และค่อยเช็คความผิดปกติอยู่เสมอ
ที่มา: http://greenhealthzone.blogspot.com/
read more "มะเร็งผิวหนัง จุดสังเกตไม่ควรมองข้าม"

มะเร็งปากมดลูก โรคที่พบมากที่สุดของผู้หญิง

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดาโรคมะเร็งที่เกิดกับผู้หญิง โดยมีอัตราส่วน 1:5000

สาเหตุการเกิดมะเร็งปากมดลูก
           -เกิดจากการติดเชื้อทางเพศสำพันธ์ บางชนิด เช่นไวรัสที่ทำให้เกิดโรค หูดหงอนไก่
           -การถ่ายทอดทางพันธุกรรม หากว่าคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปากมดลูก ลูกหลานก็มีโอกาสเป็นได้

อาการของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
อาการของผู้ป่วยมักจะแสดงก็ต่อเมื่อ มะเร็งมีขนาดใหญ่แล้ว หรือเข้าสู่ระยะแพร่กระจายไปแล้ว และอาการที่พบจะเป็นดังนี้คือ
           -มีการอักเสบของมดลูกทำให้มีเลือดออกเป็นบ่อย ๆ
           -มีการตกขาว เป็นระยะเวลานาน ๆ หรือเป็นเรื้อรัง
           -รู้สึกปวดท้องน้อย หรือหน้าท้องบวมขึ้น
           -หลังจากมีเพศสัมพันธ์ อาจจะมีเลือดออกจากช่องคลอด
           -อาเจียนออกมาเป็นเลือด ซึ่งเกิดเมื่อการแพร่กระจายสู่ลำไส้หรือ กระเพาะอาหาร
           -ต่อมน้ำเหลืองบวมโต ซึ่งจะเกิดเมื่อมีการแพร่กระจายสู่ต่อมน้ำเหลือง

การรักษามะเร็งปากมดลูก
           -กรณีที่อยู่ในระยะเซลล์ตั้งต้น หรือยังไม่ลุกลามเข้าสู่มดลูก อาจจะใช้เลเซอร์ทำการจี้ทำลายที่เซลล์มะเร็ง ผู้ป่วยยังสามารถมีลูกได้เพราะไม่ได้ผ่าตัดเอามดลูกออก
           -หากว่ามีการลุกลามเข้าสู่มดลูกแล้ว ต้องทำการผ่าตัดมดลูก หรืออาจจะเอาต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้ ๆ ออกด้วย เพื่อไม่ให้เซลล์มะเร็งลุกลาม
           -กรณีที่เซลล์มะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจายแล้ว แพทย์อาจจะใช้วิธีการทำเคมีบำบัด หรือ คีโม เพื่อควบคุมเซลล์มะเร็ง หรืออาจจะมีการ ฉายรังสีเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งไปด้วย ทั้งนี้แล้วแต่แพทย์จะเลือกใช้วิธีใดบ้าง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

ผลข้างเคียงจากการรักษา
            -หากทำการรักษาด้วยวิธีฉายรังสี จะมีการตกสะเก็ดของผิวหนัง มีผิวหนังแห้ง ซึ่งจะเกิดเมื่อผ่านไปแล้วประมาณ 2 เดือน
            -หากทำการักษาด้วยการทำ คีโม จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ชาตามมือและเท้า มีเลือดออกเวลาปัสสาวะ และผมจะร่วง เพราะว่าเซลล์ปกติจะถูกทำลายไปบางส่วนพร้อมกับเซลล์มะเร็ง
 
การป้องกันโรคมะเร็ง
ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก 6000 คนต่อปี โดยส่วนใหญ่จะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะทำการรักษาหาย ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นวิธีนึงที่ผู้หญิงทุกคนควรเอาใจใส่ในสุขภาพของตนเอง ซึ่งการป้องกันมีวิธีต่าง ๆ ดังนี้
            -หากว่ามีคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งปากมดลูก บุคคลในครอบครัวควรทำการตรวจหามะเร็งเป็นประจำ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่ลูกหลานจะเป็นโรคนี้อีก
            -หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ในคู่สมรสที่บ่อย เพราะเชื้อไวรัสต่าง ๆ มีส่วนทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้ 
        
read more "มะเร็งปากมดลูก โรคที่พบมากที่สุดของผู้หญิง"

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

มะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia)


มะเร็งเม็ดเลือดขาว จัดได้ว่าเป็นโรคมะเร็งที่น่ากลัวมาก เพราะผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้จะเสียชีวิตในเวลาอันสั้น และส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว มักจะทำการรักษาไม่หาย เพราะเซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในบริเวณที่ยากต่อการรักษา
          สาเหตุของมะเร็งเม็ดเลือดขาว เกิดจากหลายสาเหตุมาก ส่วนใหญ่แล้วมาจาก กรรมพันธุ์ การได้รับสารก่อมะเร็ง ไวรัสบางชนิด ซึ่งเราสามารถแบ่งชนิดของมะเร็งเม็ดเลือดขาวออกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่มที่เกิดบริเวณ น้ำเหลือง ซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ ส่วนที่เป็น เม็ดเลือดขาว ทำให้ไม่มีเม็ดเลือดขาวไปทำลายหรือ ต่อสู้กับเชื้อโรค หรือเซลล์ผิดปกติต่าง ๆ

อาการของมะเร็งเม็ดเลือดขาว
           ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว จะมีร่างกายที่อ่อนแอมาก เนื่องจากระบบป้องกันต่าง ๆ ของร่างกายถูกทำลายลงไป ผู้ป่วยอาจจะมีอาการเป็นไข้หวัด อยู่บ่อยครั้ง มีอาการไข้เรื้อรัง ร่างกายไม่มีแรงเนื่องจากขาดพลังงาน แน่นหน้าอก หรือหายใจติดขัด  หากเกิดบาดแผล เลือดจะแข็งตัวช้ามาก เพราะว่าเกล็ดเลือดมีน้อยมาก
            หากว่าร่างกายมีอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยให้ละเอียดอีกที ซึ่งหากพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวตั้งแต่เนิ่น ๆ การรักษานั้นก็ยังสามารถทำได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ป่วยมักจะมาถึงมือแพทย์ เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว จึงทำให้เข้าใจกันว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นแล้วต้องตาย

การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
             การรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน จะมีอยู่สองวิธี คือ การใช้เคมีบำบัด หรือการทำ คีโม และอีกวิธีหนึ่งก็คือการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างการใช้ยาเสริม หรือการฉีดเสต็มเซลล์ หรือเซลล์ต้นกำเนิด เพื่อให้ร่างกายผู้ป่วยสามารถ ผลิตเม็ดเลือดขาวมาต่อสู้กับมะเร็งได้เอง
             การรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ นี้ จะส่งผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยอย่างมาก และสิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างก็คือ โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะว่าเม็ดเลือดขาวไม่เพียงพอ

การป้องกัน
             หากว่ามีคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแล้ว บุคคลในครอบครัวนั้นต้องทำการตรวจหาเซลล์มะเร็งบ่อย ๆ เพราะมีโอกาสอย่างมากที่บุคคลในครอบครัว อาจจะมีเซลล์มะเร็งติดมาด้วยจากกรรมพันธุ์ และนอกจากนั้นก็ควรจะกินอาหารที่มีวิตามินซีและวิตามินเอ เพื่อช่วยให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะสามารถป้องกันมะเร็งได้
read more "มะเร็งเม็ดเลือดขาว(Leukemia)"

มะเร็งเต้านม โรคที่ผู้หญิงต้องรู้


มะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่สามารถ ลุกลามและขยายตัวได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจาก บริเวณที่เป็นนั้น จะอยู่ใกล้กับ รักแร้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านมจึงเป็นอตรายอย่างมากสำหรับผู้หญิง
         ส่วนใหญ่แล้วมะเร็งเต้านมจะพบกับผู้หญิงที่มีอายุ  50 ปีขึ้นไป ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่พบว่าส่วนหนึ่ง จะเกิดมาจาก ความผิดปกติของฮอร์โมน หรือผู้ที่ทาน ฮอร์โมนต่าง ๆ และรวมทั้งผู้ที่กินยาคุม หรือใช้ยาคุมกำเนิดด้วย นอกจากนี้มะเร็งเต้านม ยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปสู่ลูกหลานได้ หากว่ามีคนในครอบครัว ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมแล้ว ผู้ที่สืบเชื้อสายของครอบครัวนี้ ต้องหมั่นตรวจหาเซลล์มะเร็งมากกว่า บุคคลอื่นหลายเท่า เพราะอยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงกว่าผู้อื่น

อาการของมะเร็งเต้านม
          1.รูปร่างของเต้านมมีการเปลี่ยนแปลง หรือผิดรูปไปจากเดิมจนพอที่จะสังเกตได้
          2.คันบริเวณหัวนมหรือบางครั้งอาจจะมีเลือดออก หรือหัวนมเป็นสีแดง
          3.เมื่อเอามือคลำ อาจจะเจอก้อนเนื้อ บริเวณเต้านม หรืออาจจะมีอาการเจ็บเมื่อมะเร็งมีขนาดใหญ่แล้ว
          4.ผิวหนังบริเวณเต้านม ตกสะเก็ด หรือมีความหน้าเพิ่มมากขึ้น
          5.เมื่อเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย บริเวณรักแร้ จะมีอาการบวม เพราะต่อมน้ำเหลืองโต

การตรวจด้วยตนเอง 
           ในการคลำหามะเร็งเต้านมจะต้องทำเมื่อ หมดประจำเดือนแล้ว เพราะเป็นช่วงที่นมไม่คัดหรือแข็งตัว โดยวิธีการตรวจให้ยืนที่หน้ากระจก แล้วหันซ้ายหรือหันขวา เพื่อดูว่าเต้านมยังคงรูปเดิมหรือไม่ หากว่ามีรอยบุ๋ม หรือนูนขึ้นมา ให้สงสัยว่าอาจจะเป็นมะเร็งเต้านม หรือ อาจจะตรวจโดยการ ยกแขนข้างเดียวกบเต้านมที่ต้องการจะตรวจขึ้นสูง ๆ  แล้วใช้มืออีกข้างคลำเบา ๆ เพื่อหาสิ่งผิดปกติบริเวณเต้านม โดยเมื่อทำเสร็จอีกข้างนึงแล้ว ก็สลับมาเป็นอีกข้างในวิธีเดียวกัน 

การป้องกันมะเร็งเต้านม
             1.ควรหมั่นตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง อยู่เสมอหลังหมดประจำเดือน โดยหากมีอาการผิดปกติก็ควรจะให้แพทย์ทำการตรวจทันที
             2.หลีกเลี่ยง การกินยาคุมกำเนิด หรือใช้ยาคุมกำเนิด ต่อเนื่องยาวนาน เพราะยาคุมกำเนิดมีส่วนประกอบของฮอร์โมน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งเป็นจำนวนมาก
             3.หลีกเลี่ยงการทำศัลยกรรม เต้านม หรือหากได้ทำไปแล้ว ก็ควรจะตรวจหามะเร็ง เต้านมมากกว่าผู้อื่นหลายเท่า เพราะมีโอกาสเสี่ยงสูง
             4.พบแพทย์ทันที เมื่อตรวจเจอสิ่งผิดปกติ เพื่อที่จะทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที ถ้าหากเข้าสู่ช่วงแพร่กระจายแล้วจะทำการรักษาได้ยากมาก ซึ่งถ้าไม่นิ่งนอนใจ ก็มีโอกาสที่จะรักษาหายได้ 100%
read more "มะเร็งเต้านม โรคที่ผู้หญิงต้องรู้"

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา

โรคมะเร็ง เป็นโรคร้ายที่เมื่อเป็นแล้วจะทำให้เกิดความทรมานอย่างมากต่อผู้ป่วย เพราะนอกจากจะเจ็บปวดจากโรคมะเร็งแล้ว เมื่อทำการรักษา ยังมีผลตามมาที่ค่อนข้างสาหัส เช่น ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ อาจจะมีหนอง ออกในช่องท้องตลอดเวลา เนื่องจากการต่อสู้ของระบบภูมิคุ้มกัน กับ เซลล์มะเร็ง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรมานมาก หรือผู้ป่วยที่ทำการรักษาด้วยการทำ คีโม หรือ เคมีบำบัด จะมีร่างกายที่อ่อนแอมาก เนื่องจาก สารเคมีที่ใช้รักษาไม่ได้เข้าไปทำลายแค่เซลล์มะเร็งอย่างเดียว แต่ยังทำลาย เซลล์ที่ปกติ ของเราอีกด้วย นั้นหมายถึงระบบภูมิคุ้มกันบางส่วน จะถูกทำลายไปพร้อมกับ เซลล์มะเร็ง ผู้ที่ทำการรักษาด้วยการทำ คีโม จึงมีบางส่วนที่อาจจบชีวิต ด้วยโรคแทรกซ้อน ต่าง ๆ
read more "ผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา"

มะเร็งน่ากลัวขนาดไหน


มะเร็งนั้นอยู่ใกล้ตัวเรามาก จนแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เพราะร่างกายของเราผลิตเซลล์ขึ้นมาตลอดเวลา ดังนั้นเซลล์มะเร็งจึงถูกผลิตขึ้นมาตลอดเวลาเหมือนกัน เพียงแต่ร่างกายของใคร จะมีระบบป้องกันมะเร็งที่ดี จนเซลล์มะเร็งนี้ทำอะไรไม่ได้เท่านั้นเอง แต่คนทั่ว ๆ ไปเมื่อได้ยินคำว่ามะเร็งแล้ว จะรู้สึกกลัวต่อคำ ๆ นี้มาก เพราะหลาย ๆ คนมักจะเห็นว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นมักจะพบกับจุดจบของชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่ป่วยเป็นมะเร็งจะต้องเสียชีวิตทั้งหมด เพราะมีผู้ป่วยที่รักษาหายมาแล้วเหมือนกัน
           แม้ว่าร่างกายจะมีระบบป้องกัน เพื่อกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติ อันเป็นต้นกำเนิดของมะเร็งอยู่ก็ตาม แต่ว่า เซลล์มะเร็งนั้นมีความสามารถที่ร้ายกาจมาก มันสามารถ ลุกลามได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ยากต่อการรักษาเมื่อเข้าสู่ระยะลุกลาม
           ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น หากว่าเซลล์มะเร็ง ยังอยู่ในระยะเซลล์ตั้งต้น แพทย์จะสามารถทำการรักษาให้หายได้ เกือบจะทั้งหมด แต่ถ้าหากว่า เซลล์ตั้งต้นนี้ กลายเป็นเซลล์มะเร็งแล้ว และเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว การรักษาจะมีความลำบากมาก และส่วนใหญ่ ผู้ป่วยมะเร็งมักจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง ตอนที่เข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว 
read more "มะเร็งน่ากลัวขนาดไหน"

สาเหตุและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง


บุหรี่
        มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในบรรดามะเร็งทั้งหมด ทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งสาเหตุของมะเร็งปอดส่วนใหญ่มาจากการสูบบุหรี่ และนอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของมะเร็งชนิดอื่น ๆ อีกเช่น มะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงจมูก มะเร็งในกระเพาะ และอื่น ๆ อีกมากมาย
        ในบุหรี่มีสารพิษมากมาย มากกว่า 4000 ชนิด และเป็นสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งมากมาย เช่น อะลูมิเนียม คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกไซด์ นิโคติน บิวเทน ทองแดง ไซยาไนด์  ทาร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

เหล้า   
         ตับของเรามีหน้าที่ กำจัดสารพิษออกจากเลือด และเหล้าที่เราดื่มกันเข้าไปนั้น จะมีแอลกอฮอล์ ซึ่งแอลกอฮอล์นี้จะไปซึมอยู่ในกระแสเลือด ทำให้ตับต้องขับสารพิษเหล่านี้ออกมา แต่หากว่าดื่มทุกวัน ตับของเราจะทำงานหนักมาก และจะถูกทำลายด้วยสารพิษจากแอลกอฮอล์ ส่งผลให้ตับเกิดการอักเสบ และเกิดเป็นโรคตับแข็ง และกลายเป็นมะเร็งตับ ได้

ความอ้วน
          น้ำหนักตัวที่มาก จะทำให้ร่างกายมีระบบฮอร์โมนที่ผิดปกติ ซึ่งจะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายหนักมากขึ้น และส่งผลให้เกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ได้ง่าย ซึ่งดูได้จาก ผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากในผู้ป่วยที่มีน้ำหนักตัว มากกว่ามาตรฐาน ตามมาด้วยมะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม และอื่น ๆ มีกมากมาย

ความเครียด
           ความเครียดส่งผลให้ระบบของฮอร์โมนทำงานผิดปกติเช่นเดียวกันกับผู้ที่มี น้ำหนักมาก ซึ่งในผู้ที่มีความเครียดมาก ๆ จะมีการหลั่ง ฮอร์โมนชนิดหนึ่งชื่อว่า เคอร์ซิโตน ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะเข้าไปขัดขวางการทำงานของ เม็ดเลือดขาว เป็นผลให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราอ่อนแอลง และเป็นโรคอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือโรคมะเร็ง

กรรมพันธุ์
            มีมะเร็งหลายชนิดที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้ เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งในลำไส้ มะเร็งปากมดลูก แต่ใช่ว่าลูกหลานจะได้รับการถ่ายทอด เซลล์มะเร็งนี้ทุกคน แต่ถ้าหากว่ามีคนในครอบครัวป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง คนในครอบครัวนี้ก็มีโอกาสมาก หรืออยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุดที่จะเป็นโรคมะเร็งต่อไป

ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ
             ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำนั้น หากว่าได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานหนักขึ้นไปอีก และถ้าหากว่าภูมิคุ้มกันในร่างกายไม่สามารถกำจัดของเสีย หรือสิ่งแปลกปลอมได้หมด ก็มีโอกาสที่จะเกิดโรคมะเร็งตามมาได้

กินอาหารที่ไม่ถูกต้อง
              ใน อาหารบางประเภท จะมีสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่มาก ซึ่งอาจจะเกิดจากการใช้สารเคมี หรือยากำจัดศัตรูพืช หรือ สารบางชนิดที่ใส่กับของสดเพื่อให้อาหารดูสดใหม่ตลอดเวลา ซึ่งสารต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ได้ถูกชำระล้างออกไปให้หมด หรืออาจจะทำการชำระล้างได้ยากมาก เมื่อนำเข้าสู่ร่างกาย จึงได้มีการสะสมอยู่ในร่างกาย และเมื่อรับในปริมาณมาก ๆ จนไม่สามารถขับสาร ต่างๆ เหล่านี้ออกมาได้หมด ก็จะทำให้เป็นโรคมะเร็งตามมา  ซึ่งมะเร็งที่พบส่วนใหญ่จะเป็น มะเร็งลำไส้ มะเร็งในกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบอาหารเป็นส่วนใหญ่
               ในอดีตที่ผ่านมานั้น ในอาหารของเรายังไม่มีการ ผลิตสารเคมีต่างๆ เหล่านี้มาช่วยในเรื่องของการกำจักศัตรูพืช หรือทำของให้สด ทำให้คนในอดีตนั้นเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ได้น้อยมาก เมื่อเทียบกับคนในปัจจุบัน


เกล็ดน่ารู้
              รู้หรือไม่ว่า ร่างกายของเรามีการผลิตเซลล์ เพื่อพัฒนาและซ่อมแซมร่างกายตลอดเวลา เป็น ล้านเซลล์ และในการผลิตเซลล์นี้ก็จะมี เซลล์ผิดปกติ ผลิตออกมาเป็นล้านเซล์ด้วยเช่นกัน แต่ว่าในร่างกายเราจะมีระบบป้องกัน อย่างเม็ดเลือดขาว ที่จะทำลายเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ให้หมดออกไป ไม่ว่าจะทาง ปัสวะ อุจจาระ หรือเหงื่อไคล และถ้าหากว่าร่างกายมีระบบป้องกันที่อ่อนแอ ไม่สามารถกำจัดเซลล์ผิดปกติเหล่านี้ได้ทัน จะเกิดอะไรขึ้น 
read more "สาเหตุและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง"

วิธีรักษาโรคมะเร็งของแพทย์


ในการรักษาโรคมะเร็งของแพทย์ แพทย์จะเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมมากที่สุดกับผู้ป่วย  ซึ่งวิธีการรักษาก็มีอยู่หลายวิธีทั้งการ ผ่าตัด การทำคีโม การฉายรังสี สารชีวภาพ วัคซีน และในผู้ป่วยหนึ่งคนอาจจะใช้หลาย ๆ วิธีเข้าช่วยกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

การผ่าตัด
             การผ่าตัดจะใช้กับผู้ป่วยมะเร็งที่มีก้อนเนื้อไม่ใหญ่มาก หรือถ้ายังมีขนาดใหญ่ ก็จะรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เพื่อให้เซลล์มะเร็งหดตัว แล้วจึงทำการผ่าตัด และวิธีการผ่าตัดนี้จะใช้ได้กับผู้ป่วยที่ยังไม่เข้าสู่ช่วงแพร่กระจาย ถ้าหากว่าเข้าสู่ช่วงแพร่กระจายแล้ว การผ่าตัดก็จะไม้ผลเนื่องจากว่าเซลล์มะเร็งสามารถขยายตัวขึ้นมาใหม่ได้ ในการรักษาด้วยวิธีนี้ มักจะใช้กับ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งตับ หรืออาจจะเป็นมะเร็งชนิดต่าง ๆ ที่ยังมีขนาดไม่ใหญ่มาก

รังสีรักษา
             เป็นการฉายรังสีไปยังเซลล์เป้าหมายเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็ง โดยแพทย์จะค่อย ๆฉายรังสี ครั้งละประมาณ 180-200 cGu โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ แต่ว่าแพทย์จะคำนึงถึงความสามารถในการรับรังสีของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน เพราะว่าการรักษาด้วยวิธีนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยพอสมควร เช่น อาจจะทำให้ผิวแห้ง ตกสะเก็ด หรืออื่น ๆ แต่วิธีนี้ก็ยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการทำ คีโม
       
การฉายรังสี
              1.การฉายรังสีภายนอก
              การฉายรังสีภายนอกจะใช้ในมะเร็งที่อยู่ในระยะแพร่กระจาย และ ลุกลาม เช่นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือมะเร็งที่กำหนดจุดไม่ได้ ซึ่งรังสีที่ใช้ในการรักษาจะใช้รังสีจาก โคบอลต์-60 ส่วนในกรณีที่เป็นมะเร็งใกล้กับอวัยวะสำคัญ แพทย์จะใช้ รังสีจาก เรเดียม - 226 และ อีริเดียม - 192 เพื่อให้เกิดผลกระทบกับอวัยวะนั้น ๆ น้อยที่สุด
               2.การฉายรังสีภายใน
               แพทย์จะทำการผ่าตัด สอดใส่หลอดกัมมันตภาพรังสี หรือ เม็ดกัมมันตภาพรังสีขนาดเล็ก ไว้ในก้อนมะเร็ง  เพื่อให้เซลล์มะเร็งนั้นลดขนาดลง แล้วจึงทำการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีนี้กับมะเร็งที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ

เคมีบำบัด
               โดย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะพบว่าตนเองเป็นมะเร็ง เมื่อมะเร็งเข้าสู่ระยะแพร่กระจาย และลุกลามไปยังเซลล์อื่น ๆ แล้ว ดังนั้นเมื่อมาถึงมือแพทย์ แพทย์จะทำการรักษาด้วย เคมีบำบัด หรือเรียกสั้น ๆ ว่า คีโม ซึ่งจะมีวิธีใช้อยู่สองวิธี คือ การฉีดเข้าเส้นเลือด และ การกิน
                เนื่องจากว่า สารเคมีที่ใช้รักษามะเร็งนั้นก่อให้เกิดผลกระทบต่อร่างกายสูงมาก เพราะว่าสารเคมีนี้ อาจจะทำลายเซลล์ปกติไปด้วย รวมทั้งเม็ดเลือดขาวก็ถูกทำลายไปบางส่วน จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอลงอย่างมาก และมีผลที่ข้างเคียงตามมาเช่น ผมร่วง มือชาเท้าชา อาเจียน  หากแพทย์พบว่ามีผลข้างเคียงมากเกินไป ก็จะหยุดการบำบัดก่อนแล้วจึงรักษาใหม่ ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงได้ จึงมีหลายคนที่ท้อแท้และไม่ทำการรักษาต่อ 

สารชีวภาพ
                วิธีนี้อาจจะใช้ได้ผลหรือไม่ได้ผลก็ได้ เพราะเป็นการนำสารที่ได้จากการสังเคราะห์ หรือนำมาจากร่างกายผู้ป่วยเอง มาเพาะเชื้อให้เกิดภูมิต้านทาน แล้วจึงฉีดกลับเข้าไปในร่างกายใหม่ เพื่อให้ร่างกายกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันและกำจัดเซลล์มะเร็งได้ด้วยตัว เอง

วัคซีน
                วิธีนี้ กำลังจะนำมาใช้เป็นทางเลือกการรักษาใหม่ ในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งใช้วิธีการนำเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem cell ของผู้ป่วยจากไขกระดูกสันหลัง ออกมาเก็บไว้ภายนอก แล้วจึงกำจัดเซลล์มะเร็งด้วยสารเคมีที่เข้มข้น เมื่อเซลล์มะเร็งอ่อนแอลง ก็จะทำการ ฉีดเซลล์ต้นกำเนิดกลับเข้าไปใหม่ เพื่อให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านมะเร็งด้วยตนเอง ซึ่งวิธีนี้ได้มีการนำมาใช้กับ ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งตับแล้ว และสามารถใช้อย่างได้ผลกับผู้ป่วยในบางท่าน
read more "วิธีรักษาโรคมะเร็งของแพทย์"

ความอันตรายของมะเร็งแต่ละระยะ


ความร้ายแรงของมะเร็งนั้นขึ้นอยู่ ปัจจัยหลายอย่างเช่น บริเวณที่เป็น ชนิดของมะเร็ง และสาเหตุ ซึ่งมะเร็งบางชนิด สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้โดยง่าย แต่ บางชนิดก็ยากมาก ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งที่ตรวจเจอด้วย โดยแพทย์จะแบ่งความอัตรายออกเป็น 4 ระดับด้วยกัน
             ระยะเริ่มต้น ระยะนี้คือระยะที่ เซลล์ที่ผิดปิกติ เริ่มกลายเป็นเซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง (อ่านได้ที่มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งระยะนี้ยังไม่อัตรายมากนัก และร่างกายยังสามารถกำจัดออกได้บางส่วน

             ระยะเติบโต หรือระยะที่ 1 คือ ระยะที่เซลล์ตั้งต้นเริ่มขยายเป็นก้อนเนื้อ และถ้าหากว่าเป็นที่ผิวหนัง หรือ เต้านม ก็จะสามารถคลำเจอได้ แต่ในระยะนี้มะเร็งยังมีขนาดไม่โตมาก คือ ไม่เกิน 2 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าไปที่ต่อมน้ำเหลือง

              ระยะเจริญเติบโต หรือ ระยะที่ 2 ใน ระยะนี้จะเริ่มมีอาการเจ็บของก้อนเนื้อ หรืออาจจะไม่เจ็บก็ได้ แล้วแต่ว่า เป็นมะเร็งชนิดไหน ขนาดของก่้อนเนื้อก็จะเริ่มโตขึ้นมากกว่าเดิม แต่ยังน้อยกว่า 5 เซนติเมตร และยังไม่ลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง 

               ระยะลุกลาม หรือ ระยะที่ 3 ใน ระยะนี้มะเร็งจะเริ่มลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว นอกจากนี้ ยังมีอาการเจ็บตามมาแถว บริเวณก้อนเนื้อที่เป็น จนทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต และก้อนมะเร็งจะขยายมากขึ้นกว่าเดิม คือมีขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร แต่ว่ายังไม่แพร่กระจายไปอวัยวะส่วนอื่น 

                ระยะแพร่กระจาย ระยะที่ 4 เมื่อ เข้าสู่ระยะนี้ โอกาสที่จะรักษานั้นแทบไม่มีแล้ว แต่่ว่าบางคนก็สามารถรักษาหายได้ แต่โอกาศน้อยมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ ในระยะนี้ มะเร็งได้เข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง และได้แพร่กระจาย ไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ แล้ว  โดยมากผู้ที่เป็นมะเร็งตับอ่อน จะมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า มะเร็งชนิดอื่น ๆ เนื่องจากว่า มะเร็งชนิดอื่น  ๆ จะเริ่มแสดงอาการว่าเป็นมะเร็ง ตั้งแต่ระยะก่อนหน้านี้แล้ว แต่มะเร็งตับอ่อนจะแสดงอาการในระยะที่ 4 นี้ 

                 ในการรักษาโรคมะเร็งนั้น แพทย์จะตรวจหามะเร็งและแบ่งระยะของมะเร็ง ออกเป็นช่วง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการรักษา เช่น หากพบผู้ป่วยที่อยู่ในระยะเริ่มต้น จนถึงระยะที่ 1 ผู้ป่วยส่วนมากจะรักษาหายได้ง่าย ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะได้ทั้งหมดทุกคน ส่วนใหญ่แล้วเมื่อแพทย์พบว่า เซลล์มะเร็งหยุดการขยายตัว หยุดแพร่กระจาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อร่างกายแล้ว แพทย์ก็จะหยุดทำการรักษา  
                 เนื่องจากว่าการรักษาโรคมะเร็งนั้นสร้างความบอบช้ำให้แก่ร่างกายอย่างสาหัส เพราะว่าในการรักษาไม่ว่าจะเป็นการ ฉายรังสี บำบัดด้วยเคมี  ยาปฏิชีวนะ  การผ่าตัด ล้วนแต่ทำให้เซลล์ที่ปกติที่อยู่ข้างเคียงเซลล์มะเร็งนั้นเกิดความเสียหายไป ด้วย ดังนั้นในการรักษาแพทย์จึงมุ่งเน้นไปที่ การหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง 
                 ในครั้งหน้าติดตามอ่านได้ต่อที่ การรักษาโรคมะเร็งของแพทย์ ว่ามีวิธีไหนบ้างและทำอย่างไร

read more "ความอันตรายของมะเร็งแต่ละระยะ"

การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง

การเกิดโรคแทรกซ้อน
        ร่างกายของเราผลิตเซลล์ขึ้นมา เพื่อพัฒนา หรือ ซ่อมแซมร่างกายเราตลอดเวลา และเซลล์ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ จะมีเซล์ที่ผิดปกติ รวมอยู่ด้วย แต่ว่าระบบการทำงานของร่างกายเรา จะสามารถกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติเหล่านี้ออกไปได้
         แต่เนื่องจากว่า เซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง สามารถแบ่งเซลล์ได้เร็วกว่า เซลล์ปกติมาก ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นด้วยสารก่อมะเร็งต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วในหัวข้อ มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็จะทำเซลล์มะเร็งบุกรุกไปยังเซลล์ต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว และถ้าหากได้รับสารก่อมะเร็งอย่างต่อเนื่องขึ้นไปอีก ก็จะทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตอย่างรวดเร็ว และเซลล์มะเร็งนี้ ยังสามารถที่จะ ทำลาย และ ขัดขวางการทำงาน ของเซลล์ปกติ ที่อยู่ใกล้กับตัวมันด้วย และเมื่อเซลล์ปกติของเราถูกทำลาย ร่างกายของเรา ก็ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกัน อย่างเม็ดเลือดขาวก็จะลดลงไปอย่างมาก เนื่องจากร่างกายต้องส่ง เม็ดเลือดขาว ไปคอยต่อสู้กับเซลล์มะเร็งตลอดเวลา ทำให้เมื่อเกิดโรคอื่น ๆ ขึ้น เม็ดเลือดขาวจึงมีไม่พอที่จะไปต้านทานโรคใหม่ หรือเชื้อโรค ที่กำลังเกาะกินอยู่ในร่างกายเรา จึงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนขึ้น
 ครั้งหน้า จะนำอันตรายของมะเร็งในระยะต่าง ๆ มาให้ดูกัน
read more "การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง"

มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร


มะเร็งไม่ได้เป็นโรคที่เพิ่งเกิดมา แต่ว่าด้วยเทคโนโลยีในสมัยก่อนนั้น ทำให้ไม่สามารถรู้ได้ว่า อาการป่วยที่กำลังเป็นกันอยู่นั้น เรียกว่าโรค มะเร็ง
   การเกิดโรคมะเร็ง
   ในร่างกายคนเรานั้น มีเซลล์ที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา โดยที่เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่ช่วยในการ พัฒนาร่างกาย หรือ ซ่อมแซมของเก่าที่เสื่อมสภาพไป โดยใน 1 นาทีนั้นสามารถที่จะผลิตเซลล์ เหล่านี้เป็นล้าน ๆ เซลล์
    แต่เซลล์ที่ผลิตออกมานั้น ใช่ว่า จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด เพราะอาจถูกรบกวนจากหลาย ๆ สาเหตุ เช่น การกระตุ้นจากเชื้อโรค  จากสารก่อมะเร็ง หรือจากสาร อนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์นั้นไม่สมบูรณ์จึงมีเซลล์ที่มีการทำงานผิดปกติจากเดิม ที่ควรจะเป็น ซึ่งเซลล์ ที่ผิดปกตินี้ เรียกว่า เซลล์ตั้งต้นของมะเร็ง

การพัฒนาของเซลล์มะเร็ง
                 ปกติ แล้วเราจะพบว่าผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งส่วนมากจะเป็นผู้มีอายุ แต่ก็ใช่ว่า จะไม่เกิดในเด็กหรือวัยรุ่น เพราะหากว่าเซลล์มะเร็งถูกถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม ก็จะทำให้เด็ก หรือวัยรุ่นเป็นมะเร็งได้เช่นกัน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ ชีวิตประจำวันของแต่ละคนด้วย ว่าคลุกคลีกับสารก่อมะเร็งมากขนาดไหน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ สูบบุหรี่ ใช้สารเสพติด หรือ ดื่มเหล้า จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้เร็วกว่ามาก
                  เมื่อร่างกาย ได้รับสารก่อมะเร็ง อย่าง การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือ ใช้สารเสพติด สารเหล่านี้จะไปจับตัวกับเซลล์มะเร็ง และเร่งให้เซลล์มะเร็งพัฒนาอย่างรวดเร็ว บางคนมีเซลล์มะเร็งที่พัฒนาเร็วมาก โดยภายใน หนึ่ง ปี อาจจะตรวจพบเซลล์มะเร็งที่ใหญ่มาก ๆ  เพราะว่าสารเหล่านี้สามารถกดภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ ทำให้ ร่างกายไม่สามารถ ขับไล่ สิ่งผิดปกติ หรือเซลล์มะเร็ง ออกมาได้ เซลล์มะเร็งก็จะยิ่งแพร่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว และตัวการที่ทำให้เซลล์มะเร็งเพิ่มขึ้นแบบเท่าตัว ก็คือ อนุมูลอิสระที่มีปริมาณมาก ๆ
                ในตอนหน้า จะกล่าวถึงผลที่ตามมาของการเป็นมะเร็ง ติดตามอ่านได้ใน  การเกิดโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง 
read more "มะเร็งเกิดขึ้นได้อย่างไร"